มท.1 รับ ลูกบิ๊กป้อม ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่อยุธยา
วันที่ 29 สิงหาคม พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำ พบปะเยี่ยมเยือน และให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย ที่บริเวณวัดโคกทอง ต.กุฎี อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมี นายวีระชัย นาคมาศ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องรายงานสถานการณ์
นายวีระชัย นาคมาศ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา รายงานสถานการณ์น้ำ ปัจจุบันเขื่อนพระยา ระบายน้ำลงสู้พื้นที่ท้ายเขื่อน 1,579 ลบ.ม/วินาที ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 8 ซม.เขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนที่ 545 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 21 ซม.
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ทั้งสิ้น 16 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมใต้ถุนบ้าน และพื้นที่การเกษตร จำนวน 8 อำเภอ 78 ตำบล 347 หมู่บ้าน 4 ชุมชน 10,595 ครัวเรือน ดังนี้ อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอบางไทร อำเภอบางปะหัน อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางปะอิน และอำเภอท่าเรือ รวมทั้งพื้นที่การเกษตร 2,793 ไร่
ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เฝ้าระวัง พื้นที่สำคัญ แบ่งเป็น 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เขตพระราชฐาน โบราณสถาน และวัดที่สำคัญ พื้นที่เขตเศรษฐกิจ นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ต่างๆ และพื้นที่ชุมชนหนาแน่น เขตเทศบาลนคร เทศบาลเมือง สถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ได้ประสานติดตั้งเครื่องสูบน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรแล้วกว่า 5 ล้านคิว ทำให้สามารถรักษาที่นาได้ 1 หมื่นกว่าไร่ คาดว่าจะคืนทุ่งรับน้ำให้กับกรมชลประทาน ได้ภายในวันที่ 15 ก.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการลงพื้นที่ ของ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ภายหลังจากที่ ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์สายตรงถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กำลังประสบปัญหาอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ และเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งรองนายกฯ ได้กำชับและสั่งการเร่งรัดให้เกิดการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด