พบช่างก่อสร้างชาวกะเหรี่ยงจมน้ำดับปริศนาที่คอมีเชือกสีแดง ย่านแสมดำ
วันที่ 6 มกราคม 2566 เวลา 14.10 น.
ร.ต.อ.พฤติการณ์ เคลือสงค์ รอง สว.สอบสวน สน.แสมดำ รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในน้ำคลองระหาร บริเวณท้ายซอย แสมดำ ซอยที่ 5 จึงเร่งรุดจัดกำลัง พร้อมประสานแพทย์นิติเวชศิริราช และ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมทั้งอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุพบจุดเกิดเหตุดังกล่าวอยู่ภายในคลองระหาร ท้ายซอย แสมดำ ซอยที่ 5 ถนน พระรามที่ 2 แขวง แสมดำ เขต บางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร จุดเกิดเหตุอยู่ใกล้เคียงกับสะพานข้ามคลองดังกล่าวบนหัวสะพานมีลักษณะเป็นศาลพระภูมิเจ้าที่เก่าภายในมีรูปปั้นตา ยาย และโดยรอบศาลพระภูมิ มีรูปปั้นของช้างม้า นางรำ และเครื่องใช้ต่างๆ แต่อยู่ในลักษณะล้มระเนระนาด อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ เหมือนจะปล่อยทิ้งร้างมานานแล้วโดยไม่มีใครสนใจจนทรุดโทรม ถัดมาใต้สะพานข้ามคลองพบรองเท้าแตะแบบผู้ชาย 1 คู่ ถอดวางอยู่ ใกล้กันภายในคลองดังกล่าวพบศพชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาชื่อ นาย โจ้ เป็นชาวกะเหรี่ยง อายุประมาณ 30-35 ปี มีอาชีพเป็นช่างก่อสร้าง ในลักษณะ จมน้ำจนมิดลำตัว และใบหน้า แนวตรง บริเวณหัวโผล่เหนือน้ำ สวมใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีเขียว กางเกงยีนส์ขายาวสีดำสวมทับกางเกงขาสั้นสีดำ ไม่สวมรองเท้า ต้นแขนข้างขวามีสายตระกรุดผูกเอาไว้ 1 เส้น บริเวณลำคอมีเชือกฟาง สีแดง 1 เส้นถูกผูกเอาไว้ เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง
เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกภาพภายในที่เกิดเหตุทั้งหมดไว้ประกอบสำนวนคดีในเบื้องต้น และมอบหมายให้อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และได้ติดตามหานายจ้าง พร้อมเพื่อนมาสอบสวนเพิ่มเติมถึงสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนเบื้องต้นยังไม่สรุปถึงสาเหตุของการเสียชีวิตได้จะต้องรอผลจากการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งถึงจะสรุปสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงได้
และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณทางเดินซึ่งเป็นกล้องวงจรปิดที่เห็นเด่นชัดมากที่สุดพบว่า นาย โจ้ ( ผู้เสียชีวิต ) ได้เดินข้ามถนนและตรงไปตรงบริเวณคอสะพานจุดที่มีศาลพระภูมิดังกล่าวตั้งอยู่ แล้วก็หายไปเลยโดยไม่ได้มีการเดินออกมาอีกเลย จนกระทั่งมาพบกลายเป็นศพดังกล่าว
ส่วนทางด้าน นาย ยาว อายุ 32 ปี ชาวเมียนมา ซึ่งเป็นเพื่อนผู้ตาย กล่าวว่า ตนและผู้ตายทำงานก่อสร้าง ปกติผู้ตายชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ และไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อนเลย พอเวลาดื่มเหล้าก็จะทำงานไม่ไหว
ส่วนทางด้าน นาย สำฤทธิ์ อาจใจ อายุ 73 ปี เป็นนายจ้างของผู้ตาย กล่าวว่า ทำงานรับเหมาปูกระเบื้องอยู่ด้วยกันแต่ไม่เห็นมาสองวันแล้ว ไม่รู้ไปนอนที่ไหน ห้องเช่าก็ไม่ได้กลับปกติก็ชอบนอนไปทั่วไม่มีหลักแหล่ง ชอบกินเหล้าเวลาเมาก็ออกเพี้ยนๆเดินถือมีดถือไม้ เมาแล้วก็จะทำงานไม่ค่อยจะไหว ตะกรุดที่แขนเขามีติดตัวอยู่แล้ว ไม่มีทีท่าว่าจะคิดสั้นถึงขั้นไปโดดน้ำตาย หรือผูกคอตาย ก็ตกใจอยู่เหมือนกันที่มาพบเป็นศพแบบนี้ และแปลกใจด้วยที่มีเชือกฟางผูกติดคออยู่
ส่วนทางด้านนาย สมพร้อม เนินงาม เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กล่าวว่า ลักษณะศพจมน้ำอยู่ในลักษณะแนวตั้งโดยที่มือทั้งสองข้างกางออกลักษณะเหมือนคนยืนอยู่ในน้ำทั้งๆที่น้ำมันก็ลึกหลายเมตรเพราะว่าคลองเพิ่งจะมีการขุดลอกลักษณะหัวปริ่มน้ำซึ่งลักษณะศพดังกล่าวแปลกตรงที่ว่ามีเชือกผูกอยู่ที่คอซึ่งไม่รู้ว่าปลายเชือกอีกด้านนึงมันผูกด้วยสิ่งของอะไรหรือเปล่าซึ่งอันนี้เราก็ไม่แน่ใจจึงต้องให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่แพทย์นิติเวชก็เลยไม่มั่นใจในส่วนนี้ว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือโดนทำร้ายอะไรหรือเปล่า แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ที่เขาอาจจะผูกคอตนเองแล้วเชือกมันเกิดขาดแล้วหลุดลงน้ำมันเป็นไปได้ทั้งหมดจากที่ดูจากภาพกล้องวงจรปิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาเดินมาจากทางด้านปากซอยแล้วเราะริมคลองมาแล้วก็มีลักษณะเหมือนนั่งแล้วก็เข้าไปทางใต้สะพานซึ่งก็ไม่รู้ว่าในช่วงนี้เขาทำอะไรซึ่งก็เป็นระยะไกลอยู่เหมือนกันแต่ก็รู้ว่าไม่มีใครทำร้ายเขา
ส่วนเบื้องต้นชาวบ้านต่างคาดว่าอาจจะเป็นเพราะความเฮี้ยนของศาลเจ้าที่หรือเปล่าที่ดลจิตดลใจให้มาก่อเหตุทำร้ายตนเองแบบนี้แล้วยังมาตายแบบแปลกๆแบบนี้อีกนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญานของแต่ละคนที่จะคิดกัน
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.