ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัว

เรือบรรทุกน้ำมันปาล์มยังคงมุ่งหน้าออกสู่ทะเลลึกเพื่อเข้าร่องน้ำธรรมชาติ หลังผ่านพ้นวิกฤติท้องเรือติดเนินทราย

21-02-66 พี่เสือ นักข่าว สงขลา
เรือบรรทุกน้ำมันปาล์มยังคงมุ่งหน้าออกสู่ทะเลลึกเพื่อเข้าร่องน้ำธรรมชาติ หลังผ่านพ้นวิกฤติท้องเรือติดเนินทรายออกมาได้ แต่ก็ต้องเจออุปสรรคคลื่นลมแรงพัดเข้าฝั่งในวันนี้ ทำให้ร่องน้ำที่ขุดไว้ชั่วคราวถูกคลื่นซัดกลบปิดร่องน้ำ จำเป็นต้องค่อยๆลากเรือออกอย่างช้าๆเนื่องจากสภาพพื้นทรายใต้ทะเลไม่สม่ำเสมอและมีคลื่นลมแรงด้วย ผอ.เจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 เผยขณะนี้สามารถนำเรือออกห่างจากฝั่งประมาณเกือบ 200 เมตร คาดว่าในวันที่ 24 ก.พ.นี้นี้โดยประมาณทุกอย่างแล้วเสร็จ จะต้องขึ้นอยู่กับคลื่นลมในทะเลด้วย


จากที่เมื่อวานนี้ (ที่ 20 ก.พ.66) บริเวณชายหาดปลายแหลมสนอ่อน แหลมสมิหลา อ.เมืองสงขลา ซึ่งอยู่ใกล้กับเขื่อนกันทราย ปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา ได้ทำการลากเรือออกจากชายหาดหันหัวเรือออกสู่ทะเลเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางคลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่งอยู่ตลอดเวลา ส่งผลกระทบในการนำเรือลากออกสู่ทะเลหลังจากดำเนินการออกจากชายหาดได้สำเร็จแล้ว ยังต้องเจออุปสรรคคลื่นลมแรงพัดทรายที่ขุดทำเป็นร่องน้ำใต้ท้องเรือ กลับเข้ามาเป็นเนินทรายใต้ท้องเรือทำให้การทำงานของการกู้เรือออกสู่ทะเลต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ จนผ่านพ้นวิกฤติท้องเรือติดเนินทรายออกมาได้


วันนี้ ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 เรือภัทรพัณณ์ เรือบรรทุกน้ำมันปาล์มเกยตื้น ยังคงมุ่งหน้าออกสู่ทะเลลึกเพื่อเข้าร่องน้ำธรรมชาติ 4 เมตร โดยเรือเดินเครื่องยนต์ช่วยในการลากจูงออกตลอดเวลา มีบางช่วงความลึกน้ำไม่สม่ำเสมอ บางช่วงที่เป็นพื้นที่ตื้น จำเป็นต้องใช้เรือบาร์จบรรทุก backhoe ขุดให้ได้ความลึกปลอดภัย เพื่อนำเรือออก ทำให้การลากจูงออกเข้าเขตน้ำลึกต้องเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากคลื่นลมแรงจะเป็นอุปสรรคในการทำงานเป็นอย่างมาก รวมทั้งการขึ้นลงของน้ำอีกด้วยโดยสามารถลากจูงได้ในช่วงที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุด


ในช่วงบ่ายวันนี้ (21 ก.พ.66) นายเรวัต โพธิ์เรียง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 และนายอานุภาพ คงทอง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลาได้ลงพื้นที่มากำกับดูแล เพื่อให้การกู้เรือเป็นไปตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ เนื่องจากในช่วงนี้มีคลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่งอยู่ตลอดเวลาส่งผลทำให้การกู้เรือต้องหยุดชะงักเป็นบางช่วงโดยเฉพาะในช่วงน้ำลงเมื่อน้ำขึ้นก็สามารถทำงานต่อได้และคลื่นลมแรงได้พัดเอาตะกอนทรายเข้ามากลบบริเวณที่มีการขุดร่องน้ำไว้แล้ว ขณะนี้เรือได้ห่างฝั่งออกไปประมาณเกือบ 200 เมตรโดยยืนยันว่า ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยประมาณ งานจะแล้วเสร็จเป็นไปตามแผนงานการกู้เรือตามเป้าหมายที่วางไว้
ในส่วนเรื่องของกองทรายที่อยู่บนชายหาดจำนวนมาก รถแบคโฮร์ 2คันก็ตะลุยเคลียร์พื้นที่กองทรายให้กับลงทะเลไปตามธรรมชาติและปรับพื้นชายหาดให้มีสภาพดังเดิม โดยในน้ำก็ดำเนินการลากเรือออกไปส่วนชายหาดก็ดำเนินการปรับพื้นที่นำทรายลงทะเลไป เนื่องจากคลื่นลมแรงสามารถช่วยให้ทรายลงทะเลได้อย่างรวดเร็ว โดยรถแม็คโฮร์ตักทรายไปกองไว้ที่ริมชายหาด เมื่อคลื่นซัดขึ้นมาก็นำทรายกลับลงทะเลไปด้วย


นายเรวัต โพธิ์เรียง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 กล่าวว่า ตามแผนงานการกู้เรือเดิมจะต้องให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากในช่วงนี้มีคลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่งอยู่ตลอดเวลา ส่งผลทำให้การกู้เรือต้องหยุดชะงักเป็นบางช่วงโดยเฉพาะในช่วงน้ำลง เมื่อน้ำขึ้นก็สามารถทำงานต่อได้และคลื่นลมแรงได้พัดเอาตะกอนทรายเข้ามากลบบริเวณที่มีการขุดร่องน้ำไว้แล้วขณะนี้เรือได้ห่างฝั่งออกไปประมาณเกือบ 200 เมตร ก็เหลือระยะทางอีกไม่มากประมาณ 40-50 เมตรก็จะถึงร่องน้ำลึกธรรมชาติที่ 4 เมตร ปลายเขื่อนปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลาที่เชื่อมต่อทะเลอ่าวไทย
ในขณะเดียวกันบนชายหาดรถแบคโฮร์ 2คันก็ตะลุยเคลียร์พื้นที่กองทรายให้กับลงทะเลไปตามธรรมชาติและปรับพื้นชายหาดให้มีสภาพดังเดิม โดยในน้ำก็ดำเนินการลากเรือออกไปส่วนชายหาดก็ดำเนินการปรับพื้นที่นำทรายลงทะเลเนื่องจากคลื่นลมแรงสามารถช่วยให้ทรายลงทะเลได้อย่างรวดเร็วโดยรถแม็คโฮร์ตักทรายไปกองไว้ที่ชายหาดเมื่อคลื่นซัดขึ้นมาก็นำทรายกลับลงไปในทะเลด้วย คาดว่าในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้โดยประมาณทุกอย่างจะแล้วเสร็จ ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับคลื่นลมในทะเลด้วย


นายอานุภาพ คงทอง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลากล่าวเสริมว่า อุปสรรคอีกอย่างหนึ่ง ก็คือในเรื่องของน้ำขึ้น-ลง มีทั้งช่วงกลางวันและช่วงกลางคืน การทำงานก็จะทำได้ตอนที่ช่วงที่น้ำขึ้นเต็มที่สูงสุด เพราะถ้าดูดทรายหากดูดตอนน้ำลงเรือก็จะฝังตัวลงไปอีก จำเป็นจะต้องรอให้น้ำขึ้นสูงสุดจึงจะทำงานได้


อย่างไรก็ตามช่วงนี้แม้ว่าคลื่นลมแรงแต่งานก็ยังคงเดินไปอย่างต่อเนื่องรวมทั้งมีการปรับแผนเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ทุกอย่างก็จะเสร็จเรียบร้อยทั้งการนำเรือเข้าร่องน้ำไปจอดในที่ปลอดภัยและปรับสภาพชายหาดให้อยู่ในสภาพเดิมไม่มีมลภาวะสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด