ข่าวพาดหัวทำร้ายร่างกาย

ป้าหนุ่ยเจ้าของเนอสเซอรี่ที่ทำร้ายเด็กเข้ามอบตัวแล้ว

07-04-66 พี่เสือ นักข่าวสงขลา
ป้าหนุ่ยเจ้าของเนอสเซอรี่ที่ทำร้ายเด็กเข้ามอบตัวแล้วถูกแจ้งสองข้อหาคุมตัวฝากขังศาลสงขลาทันทีให้การภาคเสธ ด้านผู้ปกครองเตรียมเข้าแจ้งความเพิ่ม พม.เตรียมเสนอผู้ว่าพิจารณาสั่งปิด


ความคืบหน้ากรณีเจ้าของเนอสเซอรี่แห่งหนึ่งในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำร้ายเด็กๆโดยเฉพาะกับเด็กบางคนที่ชอบร้องให้พูดไม่ฟัง ทั้งใช้วิธีนั่งทับเด็ก เทนมราดหัวและบางคนถึงขั้นมีรอยบวมช้ำที่ตาและเริ่มมีผู้ปกครองของเด็กเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจแล้วอย่างน้อย5คน


ล่าสุดในวันนี้(7เม.ย.66) ที่สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในส่วนของด้านคดี เมื่อวานนี้ได้มีผู้ปกครองของนักเรียนที่ถูกทำร้ายและมีภาพหลักฐานชัดเจน ได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของเนอสเซอรี่แห่งนี้แล้วจำนวน 2 คน และวันนี้จะมีผู้ปกครองทยอยเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีอีก 2-3 คน
โดยตำรวจทั้งฝ่ายสืบสวนสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานและสอบปากคำพ่อแม่ของเด็กที่ถูกทำร้าย


และเมื่อช่วงเช้าของวันนี้มีรายงาน เจ้าของเนอสเชอร์รี่คนนี้ซึ่งเรียกกันว่า “ป้าหนุ่ย” ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ แล้วเบื้องต้นถูกแจ้งดำเนินคดี2ข้อหา
คือ1เจ้าของกระทำหรือละเว้นการกระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก 2ห้ามมิให้เจ้าของผู้ปกครองสวัสดิภาพ และผู้ปฏิบัติงานในสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู ทำร้ายร่างกาย หรือจิตใจ กักขา ทอดทิ้ง หรือลงโทษเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลโดยใช้วิธีการรุนแรงประการอื่น
หลังสอบสวนและแจ้งข้อหาเสร็จทางพนักงานสอบสวนได้นำตัวป้าหนุ่ยไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสงขลาทันทีซึ่งขณะที่ทั้งป้าหนุ่ยและทีมงานออกจากห้องพนักงานสอบสวนก็รีบจับอ้าวไปขึ้นกระบะที่จอดรอยู่ที่ข้างโรงพักเดินทางออกไปทันทีอย่างรวดเร็วโดยไม่ปริปากพูดอะไรแม้แต่คำดียว


ด้าน พ.ต.อ.ภูมิ บาลทิพย์ ผกก.สภ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า เมื่อวานได้ส่งตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบรวมรวมพยานหลักฐาน และสอบทั้งผู้เสียหายสอบทั้งหมด เพราะต้องให้หมอเป็นผู้วินิจฉัยว่าการกระทำในแต่ละภาพที่เด็กแต่ละคนถูกทำร้ายว่าสามารถทำอันตรายต่อเด็กได้ขนาดไหน
หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานแล้วก็ได้ออกหมายจับตั้งแต่เมื่อวานนี้ ตามพรบ.คุ้มครองเด็กฯโดยรวมเป็นข้อหาทารุณกรรมและถ้ามีพยานหลักฐานอื่นๆก็สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้


และตอนเช้าก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ แต่จากการสอบปากคำในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ และทางพนักงานสอบสวนได้ส่งหนังสือถึงเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.สงขลา (พม.สงขลา) ถึงข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปสู่การปิดเนอสเซอรี่แห่งนี้ ซึ่งต้องรอการรวบรวมหลักฐานอีกหลายส่วนเพื่อให้ทาง พม.จ.สงขลายื่นเสนอผู้ว่าพิจารณาสั่งปิดต่อไป
นอกจากนี้ได้หารือกับทาง พม.ถึงการเยียวยาซึ่งทาง พม.จะพิจารณาว่าทางผู้ปกครองหรือเด็กฐานะเป็นยังไงแต่ส่วนใหญ่ฐานะมั่นคงอยู่แล้ว และจะไปดูการเยียวยาทางยุติธรรมจังหวัดและศาล เพราะพรบ.เยียวยาแม้จะไม่เข้าโดยตรง แต่ก็ยังมีกองทุนยุติธรรมในกรณีที่ผู้เสียหายต้องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายก็สามารถไปขอกองทุนยุติธรรมเพื่อจะจ้างทนายหรือขอทนายอาสามาช่วยในการฟ้องร้องต่อได้


โดยคดีนี้พยานหลักฐานชัดแม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การภาคเสธก็ตามซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน และเป็นการจับกุมตามหลักฐานภาพของผู้ปกครองรายแรกที่เข้าแจ้งความ แต่ว่าภาพอีกหลายภาพผู้ปกครองยังไม่ชัวร์ว่าเป็นลูกของตัวเองหรือไม่ ต้องให้พี่เลี้ยงหรือพ่อแม่มายืนยันอีกทีและต้องพิสูจน์ทราบกันต่อไป ถ้าพ่อแม่คนไหนสงสัยว่าเป็นลูกตัวเองซึ่งยังมีอีกคนสองคนก็ให้มาแจ้งความตำรวจจะตรวจสอบให้ว่าเป็นลูกขอท่านหรือไม่ถ้าเข้าข้อกฏหมายก็จะข้อกล่าวหาเพิ่มเติมซึ่งต่างกรรมต่างวาระกัน


ด้านเจ้าหน้าที่พม.สงขลา เผยว่าเรื่องนี้ทางพม.สงขลาจะเข้าไปดูแลสองส่วนคือการเยียวยาครอบครัวและจิตใจของเด็ก และกรณีของพี่เลี้ยงในเนอสเซอรี่แห่งนี้ที่อาจจะได้รับผลกระทบหากโดนปิดก็จะประสานไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานช่วยเหลือต่อไป