ข่าวทั่วไป

ประจวบฯ – ฝนตกครึ่งชั่วโมงน้ำเสียจากชุมชนไหลทะลักลงหาด ข้องใจเทศบาลประจวบฯทำโครงการย้อมแมวคำสั่งศาลปกครองหรือไม่ หลังศาลสั่งปิดจุดระบายที่ฝายล้นทุกจุดนานกว่า 1 เดือน

ประจวบฯ – ฝนตกครึ่งชั่วโมงน้ำเสียจากชุมชนไหลทะลักลงหาด ข้องใจเทศบาลประจวบฯทำโครงการย้อมแมวคำสั่งศาลปกครองหรือไม่ หลังศาลสั่งปิดจุดระบายที่ฝายล้นทุกจุดนานกว่า 1 เดือน

วันที่ 26 เมษายน จ่าอากาศเอก เสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 ศาลปกครองเพชรบุรีมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ส. 2/2565 สั่งกำหนดวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนพิพากษา ปมทิ้งน้ำเสียลงหาด ให้เทศบาลเมืองประจวบฯปิดจุดระบายน้ำล้นที่ฝายน้ำล้นทุกจุด และทำการซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้ผู้ว่าฯประจวบ หาวิธีการแก้ไขกรณีมีน้ำฝนจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วม โดยให้ดำเนินการทันที ซึ่งเป็นคำสั่งที่กำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

จ่าอากาศเอก เสกสรรค์ กล่าวว่า หลังจากศาลมีคำสั่งเทศบาลเมืองผู้ถูกฟ้องใช้เวลานานกว่า 20 วัน จึงมีการปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยจ้างผู้รับเหมาใช้อิฐซีแพคก่อปิดท่อทั้งหมดเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 เพื่อไม่ให้น้ำเสียไหลลงทะเล จากนั้นเทศบาลจะต้องรายงานข้อเท็จจริงให้ศาลปกครองรับทราบ แต่ล่าสุดจากการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังจากมีฝนตกในช่วงเท่าที่ผ่านมาเพียง 30 นาที

พบว่าท่อระบายน้ำขนาดใหญ่หน้าโรงแรมหาดทอง ริมถนนเลียบชายหาด ยังมีน้ำเสียจากชุมชนไหลลงทะเลตามปกติ เช่นเดียวกับบริเวณน้ำตกท่อคู่เยื้องโรงแรมประจวบบีช มีน้ำเสียไหลลงทะเลจำนวนมาก น้ำมีสีดำและส่งกลิ่นเหม็น จึงเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่มีมาตรการที่มีการแสดงเจตนาปฏิบัติตามคำสั่งศาล แม้ว่าจะปิดท่อแล้วทำเหมือนผักชีโรยหน้าให้สิ้นเปลืองงบประมาณ แต่ไม่ได้ทำให้น้ำเสียจากชุมชนไหลไปบ่อบำบัดมูลค่า 200 ล้านบาท ตามหลักการที่ควรจะเป็น และหลังจากนี้จะต้องนำหลักฐานภาพถ่าย คลิปภาพ รายงานต่อศาลปกครอง และส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ หลังจากมีการร้องเรียนการดำเนินการของผู้บริหารระดับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

จ่าอากาศเอก เสกสรรค์ กล่าวว่า ปัจจุบันที่บริเวณท่อท่อน้ำเสียบางจุดบนถนนสู้ศึกภายหลังเจ้าหน้าที่ศาลปกครองได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังมีการนำแผ่นพลาสติคไปปิดกั้นน้ำเสียในท่อ ไม่มีการดำเนินการป้องกันน้ำเสียลงหาดเป็นการถาวรตามที่ศาลมีคำสั่ง และขอให้ผู้ว่าประจวบฯ ที่ถูกฟ้องร้องสนใจเรื่องนี้แม้ว่าจะใกล้เกษียณในเดือนกันยายนนี้ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองประจวบฯ ลูกหลานชาวเมืองประจวบฯควรออกมาชี้แจงกับประชาชนว่าจะรักษาสภาพแวดล้อมของชายหาดในเมืองท่องเที่ยวอย่างไร

“ ใครจะคิดค้นวิธีการหรือวางแผนตบตาชี้แจงศาลปกครองอย่างไร ก็หนีสภาพความจริงไม่พ้น และหากยังมีจิตวิญญาณของลูกหลานเมืองประจวบฯ ก็ควรรักบ้านเกิดตัวเองให้มากกว่าตำแหน่งทางการเมือง มีสติคิดถึงอนาคตลูกหลานในวันข้างหน้า ที่ผ่านมาเทศบาลมีงบ 17 ล้านและ อีก 7 แสน ซุกไว้นานเกือบ 2 ปี เพื่อสร้างสถานีสูบน้ำที่ 4 และ 5 บนถนนเลียบหาด ซึ่งจะแก้ปัญหาได้ยั่งยืน แต่โครงการนี้เงียบหายไป โดยไม่น่ามีเหตุผลว่าหากเปิดประมูลแล้ว เกรงผู้รับเหมาในพื้นที่บางราย อาจมีเครื่องมือไม่พร้อม” จ่าอากาศเอก เสกสรร กล่าว ////

พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โทร 0 9 8 568-1744