อาม่าวัย 82 อยู่กินกับศพน้องชาย นาน 3 วัน โดยไม่รู้ว่าเสียชีวิต ย่านพุทธบูชา
วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 เวลา 18.49 น.
ร้อยตำรวจเอก ประยูร วิทยา รอง สว.สอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในบ้านพักอาศัย ภายในซอยพุทธบูชา จึงรีบรุดจัดกำลัง พร้อมประสาน แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อม อาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุ พบเหตุเกิดภายในบ้าน ซอย พุทธบูชา ถนน พุทธบูชา เเขวง บางมด เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เป็นลักษณะอาคารพาณิชย์ สูง 4 ชั้น จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณชั้นล่างสุดของตัวบ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมอาสาสมัครเดินเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านก็พบกับร่างผู้เสียชีวิตในสภาพบวมอืดส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งรุนแรงอยู่บนโซฟา ในลักษณะท่านอนหงายหน้า สวมใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีส้ม กางเกงขายาวสีดำ ไม่สวมรองเท้า จากการตรวจสอบสภาพศพแล้วคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน เป็นชาย 1 ราย อายุ 73 ปี มีอาชีพขายเสื้อผ้ามือสอง และภายในบ้านยังพบกับหญิงสูงวัย อายุ 82 ปี เป็นพี่สาวแท้ๆของผู้เสียชีวิต และยังป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งนอนอยูบนเตียงข้างๆศพผู้เสียชีวิต โดยที่ตนไม่รู้ว่าน้องชายแท้ๆของตนเองนั้นได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งในครั้งแรกที่อาสาสมัครกู้ภัยเดินเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านนั้น อาม่ายังบอกให้กู้ภัยใช้ความเงียบหน่อยเพราะเกรงว่าน้องชายของตนเองจะตื่น แล้วยังนำผ้าห่มสีขาวมาคลุมทับร่างของผู้ตายเอาไว้ เพราะเกรงว่าน้องชายของตนเองจะโดนยุงกัด และอาจจะหนาวในช่วงดึกๆเพราะกลัวว่าอากาศจะเย็นแล้วจะทำให้น้องชายตนเองเป็นหวัดได้ ด้วยความรักและความเอาใจใส่ของพี่สาวแท้ๆ ซึ่งห่วงน้องชายของตนเองจึงทำให้เป็นภาพที่สะเทือนใจเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่พบเห็น ส่วนตอนเช้า กับช่วงบ่ายๆ จนถึงเย็น ก็จะคอยเอาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อยู่ตลอดเวลา เพราะเกรงว่าน้องชายของตนเองจะร้อนแล้วจะนอนไม่สบายตัว
จากการสอบถาม นาย สมชัย วงศ์พฤติ อายุ 77 ปี บอกว่า ตนรู้จักกับทางญาติของคนตายอีกทีนึง เมื่อ 2 วันก่อน เค้าโทรติดต่อ น้องชายไม่ได้ ติดต่อที่บ้านนี้ก็ไม่ได้ เลยโทรหาตนให้มาดูให้หน่อย ตนก็รับปากจะมาดูให้ สักพักนึงเค้าก็โทรกลับมาบอกว่า ติดต่อได้แล้ว พี่สาวคนตายบอก ไม่เป็นอะไร เค้านอนหลับอยู่ ไม่ต้องมาดูหรอก ตนก็ไม่ได้เอะใจ เลยยังไม่ได้เข้ามาดู พอมาวันนี้ โทรมาหาตนบอกว่า เข้าไปดูให้หน่อย แกเสียชีวิตแล้ว ตนจึงเข้ามาดู ก็ปรากฎว่า นอนเสียชีวิตตรงโซฟานี่ มา 2 วันแล้ว แล้วพี่สาวที่อยู่ด้วยก็เป็นอัลไซเมอร์ ดูแลเช็ดตัวให้มาตลอด 2 วัน แกไม่รู้จริงๆ เช็ดตัวให้จนแขนเปื่อยถลอก ตอนนี้ก็บวมอืดละ ส่วนผ้าคลุมนั่น พี่สาวก็เป็นคนคลุมให้ แกเช็ดตัวแล้วก็ห่มผ้าให้ประจำ
และ นาย สรศักดิ์ ชินมา อายุ 44 ปี บอกว่า ตนมาส่งของ เพราะแกสั่งของที่ร้าน และตนก็มาส่งให้ประจำ มาถึงแกนั่งรออยู่ที่เก้าอี้แดงหน้าบ้าน ตนก็ได้กลิ่นเหม็นเลยมองเข้าไปด้านในเลยถาม อาม่า น้องชายอาม่าเป็นอะไร แกบอกน้องนอน ตนบอก ไม่ใช่แล้วอาม่า น้องชายอาม่าตายแล้ว แกยังทำปากจุ๊ๆ อย่าเสียงดัง น้องหลับอยู่ ตนเห็นลิ้นจุกปาก บวมอืด มีน้ำเลือดน้ำหนองไหลออกแล้ว ตนเคยเห็นคนตาย ตนก็รู้ แต่อาม่าแกก็นั่งเช็ดให้ ตนจึงโทรแจ้ง 191 ให้มาตรวจสอบ
ส่วนทางด้าน อาม่า อายุ 82 ปี บอกเล่าว่า ตนเป็นพี่สาว เห็นน้องชายนอนหลับไปก็คอยเช็ดตัวให้เพราะเกรงว่าจะร้อนแล้วจะนอนไม่สบายตัว น้องชายตนหลับไปประมาณ 3 วันแล้ว ก็คอยเช็ดตัวให้ตลอดเลย แต่คืนนี้คนมาเยอะก็เลยเอาผ้าห่มมาคลุมให้
ส่วนบ้านหลังดังกล่าวปกติ อาม่า จะอยู่เพียงลำพังผู้เดียว ส่วนผู้ตายจะมาหา มาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้ง ส่วนผู้ตายพักอาศัยอยู่ย่านเจริญกรุง และเมื่อประมาณ 3-4 วันที่แล้วได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ มาหา อาม่า ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ออกมาจากบ้านหลังดังกล่าวอีกเลย
เบื้องต้นจากการตรวจสอบจากแพทย์นิติเวชศิริราช และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่พบบาดแผลภายในร่างของผู้ตาย และภายในบ้านก็ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือถูกรื้อค้น ส่วนทางด้านญาติของผู้ตายก็ไม่ได้ติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิต จึงมอบร่างผู้เสียชีวิตให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.