ผู้การตำรวจคลี่ปมร้อนทำโทษตำรวจตากแดด เรียกทุกแผนกงานสานความเข้าใจ ยอมรับทำโทษผิดที่ผิดเวลา
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 พ.ค.66 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ได้เรียก รอง ผกก.ทุกแผนกงาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 14 นาย ที่ปฏิบัติหน้าห้องคดี ซึ่งถูกลงโทษให้ถอดเสื้อตากแดด เข้าประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับสายงานที่ได้รับมอบหมายในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลต่อทางราชการ ซึ่งทุกนายต้องรู้หน้าที่และระเบียบวินัย ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง และรับผิดชอบหน้าที่เสมอเหมือนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน มีความผิดพลาดก็สามารถชี้แนะและท้วงติงให้แก้ไข มิเช่นนั้นจะทำให้องค์กรแตกแยก ซึ่งการทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย ใช้เวลานานกว่า 1 ช.ม. ซึ่งทุกนายทราบในความปรารถนาดีของผู้บังคับบัญชา และได้มีการขอโทษขออภัยซึ่งกันและกัน แต่ที่มีการสั่งลงโทษไปนั้น มันเป็นการกระทำที่ผิดที่ผิดเวลา
ซึ่งต่อมา พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าวว่า ภาพที่ปรากฏตอนนี้ในสื่อเป็นเรื่องจริง ในพื้นที่ สภ.สุไหงโก-ลก ในวันที่ 20 พ.ค.66ที่ผ่านมา สาเหตุของเรื่องมาจากงานในหน้าที่ ที่ได้มาประสานงานหรือการตามเอกสารต่างๆ อาจจะไม่ได้ไม่เจอประกอบกับต้องนำไปเข้าในสำนวน หรือต้องรีบสรุปสำนวนบางเรื่องบางส่วนของบางมุมเป็นข้อกังวนใจ ซึ่งชาญวิทย์กลัวอาจจะกระทบต่อการบริหารงานของประชาชน ก็เลยมีการสั่งทำโทษตามภาพข่าว ก็เลยทีแผลผิวหนังไหม้ ก็วันนี้ผมมารับฟังน้องๆ 14 คน และเจ้าหน้าที่ในสายงาน และได้ดูเรื่องของผิวหนังก็มีส่วนหนึ่งคล้ายๆกับตุ่มน้ำก็อาจจะเป็นช่วงของแดดร้อนก็เป็นได้ จึงได้มีการสอบถามพูดคุยและแนะนำไปแล้วว่า ภาพของการถอดเสื้อการฝึก ถ้าเป็นในรั้วโรงเรียนหรือหลักสูตรการรบมันเป็นเรืองปกติ ตรงนี้เอามาใช้มันผิดสถานที่และตัวเขาเองคิดว่าเป็นครูฝึก แล้วคิดว่าเอามาสร้างวินัยต่างๆผิดที่ผิดห้วงไปนิดนึ่ง และได้นำเรียนท่านผู้กำกับในเรื่องของการดูแลรักษา และมาปรับความรู้สึกกันทุกคนรับได้ อย่างที่บอกต้องลงโทษพอเหมาะพอควร ในส่วนคนที่ผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนคนที่ถูกก็ว่ากันไปแต่วันนี้เข้าใจกันแล้วดีกันแล้ว ซึ่ง 1 เดือนผมจะตามมาดูอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากลูกๆเราอยู่กว่า 300 คน ซึ่งการที่จะดูแลได้มันก็หลุดๆไปบ้าง
