ข่าวทั่วไป

ลูกคลั่งยา มีดไล่ฟันน้องชายไล่แทงพ่อใส้ทะลัก มีภาพกล้องตำรวจเข้าจับกุม

ลูกคลั่งยา มีดไล่ฟันน้องชายไล่แทงพ่อใส้ทะลัก มีภาพกล้องตำรวจเข้าจับกุม

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 31 พฤษภาคม 2566

พ.ต.ท.ธนะสิทธิ์ จิตติพัทธพงศ์ รอง ผกก.ป.สน.หลักสอง รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทใช้อาวุธมีด มีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณบ้านเลขที่ 23/6 หมู่บ้านเทพนคร ซอย กาญจนาภิเษก 7 แขวง บางแคเหนือ เขต บางแค กรุงเทพมหานคร จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หลักสอง และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

ที่เกิดเหตุเป็นลักษณะเพิงพักชั้นเดียว พบร่าง นาย​เสด็จ​ อายุ 58​ ปี อาชีพช่างก่อสร้าง สภาพเลือดท่วมตัว สวมเสื้อยืดสีส้มคลุมด้วยเสื้อกั๊กสีเขียว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ถูกอาวุธมีดปลายแหลม แทงเข้าที่หน้าท้อง ลำไส้ออกมากองอยู่กลางสะดือ อาการสาหัสนอนอยู่บริเวณหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เป็นการด่วน ส่วนผู้ก่อเหตุคือลูกชายในใส้ หลังก่อเหตุยืนรอมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบชื่อต่อมาคือ นายอนุชา อายุ 30 ปี ถูกจับกุมพร้อมของกลางที่ใช้ก่อเหตุ เป็นอาวุธมีดปลายแหลม ยาว 11 นิ้ว สภาพสนิมเขรอะ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือนาย ชนะศักดิ์ อายุ 28 ปี เป็นน้องชายของผู้ก่อเหตุ ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่ข้างเอว และขาข้างขวาเล็กน้อย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเดียวกัน

สอบถามจาก นาย อนุชา ผู้ก่อเหตุให้การว่า ก่อนเกิดเหตุมีปากเสียงกับ นาย ชนะศักดิ์ ผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นน้องชาย กระทั่งเกิดการทะเลาะวิวาทกัน จากนั้นนาย อนุชา จึงใช้อาวุธมีดฟันน้องชาย จนได้รับบาดเจ็บ โดยมีญาติพยายามห้ามปราม ต่อมา นาย เสด็จ ผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นพ่อได้กลับมาที่บ้าน และพูดจาบ่นกับนาย อนุชา ทำนองเรื่องค่าใช้จ่ายว่ามีภาระเยอะ และจะให้ตนกลับไปอยู่บ้านที่จังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ตนไม่มีเงินที่จะซื้อยารักษาตัวเอง เนื่องจากป่วยอาการจิตเวช มาประมาณ 10 ปีแล้ว จนเกิดความไม่พอใจจึงคว้ามีดที่อยู่ปลายเตียงแทง นาย เสด็จ ประกอบกับเมื่อวานนี้ตนได้เสพยาบ้าและยาไอซ์มาก่อน จนเกิดเหตุสลดดังกล่าว และตนรู้สึกผิดกับการกระทำครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกและอยากขอโทษพ่อด้วย นาย อนุชา กล่าว.

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยใช้อาวุธมีด ก่อนนำตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนสน.หลักสองเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.