ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัว

ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบเหตุภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (วาตภัย) ในพื้นที่อำเภอจังหาร

ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบเหตุภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (วาตภัย) ในพื้นที่อำเภอจังหาร

วันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.30 น. ณ หอประชุมเทศบาลตำบลดงสิงห์ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบเหตุภัยพิบัติฉุกเฉิน (วาตภัย) ด้านการดำรงชีพ กรณีบ้านเรือนประชาชน ยุ้งข้าว และคอกสัตว์ ได้รับความเสียหาย ของพื้นที่อำเภอจังหาร จำนวน 14 หมู่บ้าน 331 ครัวเรือน รวมเป็นเงิน 1,150,606 บาท โดยมี นายทินกร ขันแก้ว นายอำเภอจังหาร นำเสนอข้อมูลสถานการณ์ พร้อมด้วย นายธรณิศ เทพแพงตา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด นางสาววิภาดา รัตนโรจนา ประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนผู้ประสบเหตุภัย เข้าร่วม

นายทินกร ขันแก้ว นายอำเภอจังหาร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากอำเภอจังหารได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัย เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือน ยุ้งฉางข้าว และคอกสัตว์ ในพื้นที่ตำบลดงสิงห์ได้รับความเสียหาย จำนวน 14 หมู่บ้าน ส่งผลกระทบต่อราษฎร จำนวน 331 ครัวเรือน ประกอบด้วย บ้านดงสิงห์ บ้านกอกแก้ว บ้านดินแดง บ้านเปลือยตาล บ้านป่าน บ้านโคกล่าม บ้านหนองอ้อ บ้านหนองตอ บ้านนาดี บ้านเทพประทาน บ้านดงสิงห์ บ้านเปลือยตาล บ้านป่าน และบ้านโคกล่าม ซึ่งทางอำเภอได้สำรวจความเสียหาย ควบคู่กับการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมกับประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เป็นการเร่งด่วน แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณจึงได้ขอรับการสนับสนุนจากทางจังหวัด เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบเหตุวาตภัย ต่อไป

นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จังหวัดร้อยเอ็ดมีความห่วงใยและให้ความสำคัญกับครัวเรือนผู้ประสบเหตุ โดยถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องหามาตรการแนวทางมาเยียวยาช่วยเหลือ ซึ่งคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดร้อยเอ็ด (ก.ช.ภ.จ.) ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบให้ใช้จ่ายเงินทดรองราชการ ตามหลักเกณฑ์ เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (วาตภัย) ในพื้นที่อำเภอจังหาร จำนวน 1,150,606 บาท ถึงแม้เงินจำนวนนี้จะไม่มากนัก แต่จะสามารถเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และสร้างเสริมกำลังใจที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชนในการดำเนินชีวิต ต่อไป