ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ปลุกพลังนายอำเภอ-ปลัดอำเภอ ย้ำบูรณาการภาคีเครือข่าย ร่วมขับเคลื่อนภารกิจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้ประชาชน
วันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2566 เวลา 16.30 น. ท่านทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนนโยบาย ที่สำคัญของกรมการปกครอง และกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายสนอง ดลประสิทธิ์, นายชูศักดิ์ ราชบุรี, นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด, นายไพโรจน์ จิตจักร์ ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด, นายพิชัยยา ตุระซอง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วม ที่ โรงแรมเพชรรัชต์การ์เด้น อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด
นายไพโรจน์ จิตจักร์ ปลัดจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า กรมการปกครองมีภารกิจเกี่ยวกับ การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายในประเทศ การอำนวยความเป็นธรรม การปกครองท้องที่ การอาสารักษาดินแดน และการทะเบียน เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคง ปลอดภัย ได้รับบริการ ที่สะดวก รวดเร็ว และให้เกิดความสุขในสังคมอย่างยั่งยืน ดังนั้น เพื่อเป็นการพัฒนา องค์ความรู้ เพิ่มพูนสมรรถนะ และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน รวมถึงเพื่อให้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานในแต่ละพื้นที่ ของบุคลากรสังกัดที่ทำการปกครองจังหวัดร้อยเอ็ด และที่ทำการปกครองอำเภอทุกแห่ง ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการ นำภารกิจของทุกกระทรวง ทบวง กรม ไปปฏิบัติในพื้นที่ ที่ทำการปกครองจังหวัดร้อยเอ็ด จึงได้กำหนดประชุมขับเคลื่อนนโยบาย ที่สำคัญของกรมการปกครอง และกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ขึ้น โดยมีผู้เข้ารับการประชุม ประกอบด้วย นายอำเภอ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง หัวหน้ากลุ่มงาน/ฝ่ายทะเบียนและบัตร หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบโครงการที่สำคัญของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หรือปลัดอำเภอบรรจุใหม่ รวมอำเภอละ 5 คน และผู้ช่วยจ่าจังหวัด ผู้ช่วยป้องกันจังหวัด ผู้ช่วยเสมียนตราจังหวัด นิติกร สังกัดที่ทำการปกครองจังหวัดร้อยเอ็ด รวมผู้เข้าร่วม การประชุมฯ จำนวน 120 คน
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ ถือเป็นการพัฒนาคุณภาพและสมรรถนะการปฏิบัติงานของบุคลากรของที่ทำการปกครองจังหวัดร้อยเอ็ด และที่ทำการปกครองอำเภอทุกอำเภอ ในการปฏิบัติงานให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ รวมถึงตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายที่สำคัญของกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง รวมถึงนโยบายที่สำคัญจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ได้มีความมุ่งมั่นน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อันเป็นที่มาของการกำหนดหมุดหมายการพัฒนา ที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ ทั้ง 17 ข้อ
ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เน้นย้ำให้ข้าราชการฝ่ายปกครองทุกท่านได้มีความมุ่งมั่นในการน้อมนำพระดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขพี่น้องประชาชน ด้วยการขับเคลื่อนแนวทางตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อ 17 ซึ่งมีเป้าหมายการทำงานแบบ Partnership มุ่งยกระดับหุ้นส่วนความร่วมมือ โดยเฉพาะความร่วมมือหลายภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยให้นายอำเภอทุกอำเภอได้ใช้กลไก “ทีมอำเภอ” รวมทั้งการสร้างทีมภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคี ในทุกอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นอำนาจหน้าที่ของข้าราชการฝ่ายปกครองทุกคน ทั้งเรื่องยาเสพติด ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สุขภาพอนามัย ความสะอาดของบ้านเมือง สาธารณสุขพื้นฐาน สุขภาพอนามัยแม่และเด็ก รวมทั้งด้านความมั่นคงทางอาหาร ทำให้ทีมมีความเข้มแข็ง ด้วยการหมั่นลงพื้นที่ไปให้กำลังใจทีม ถ้าผู้ใหญ่บ้านเข้มแข็ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเข้มแข็ง คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิฝ่ายต่าง ๆ ของอำเภอเข้มแข็ง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้มแข็ง ประชาชนก็จะมีความสุข จึงเป็นที่มาของอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการ และเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืนอ
ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวต่อว่า ขอให้นายอำเภอและทีมงาน ได้ช่วยประคับประคองดูแลพี่น้องประชาชนให้มีความสุข บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ อันประกอบด้วย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้มีความมั่นคง ซึ่งประเทศชาติจะมั่นคง ประชาชนจะมีความสุข เราต้องน้อมนำพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นข้าราชการที่ดี ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นหลักดูแลพสกนิกรของพระองค์ท่าน ทำหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อประชาชนตลอดไป
