ข่าวทั่วไป

เสี่ยกำมะลอหลอกแท็กซี่ต่อเนื่องสูญทั้งเงินทั้งพระ คาดมีผู้เสียหายอีกหลายราย

เสี่ยกำมะลอหลอกแท็กซี่ต่อเนื่องสูญทั้งเงินทั้งพระ คาดมีผู้เสียหายอีกหลายราย
เตือนภัยสังคม โดยเฉพาะคนขับรถแท็กซี่หรือรถโดยสารสารธารณะทุกชนิด เกี่ยวกับมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ที่กำลังตระเวนก่อเหตุในพื้นที่ของอำเภอบางพลี โดยมาในรูปแบบของผู้โดยสารออกแนวเป็นเสี่ยเจ้าของธุรกิจแต่งตัวดูดีมีฐานะ ล่าสุดเกิดขึ้นกับคนขับแท็กซี่สองรายซ้อน โดยมิจฉาชีพรายนี้จะออกอุบายว่าเป็นเจ้าของกิจการ จะจ้างให้แท็กซี่ไปรับสินค้าให้โดยเอาบัตรเอทีเอ็มให้ไว้อ้างว่าในบัตรมีเงินอยู่หกแสน ก่อนจะขอพระเครื่องและบัตรเอทีเอ็มของแท็กซี่ไว้ค้ำประกัน แล้วลงจากรถไป พอคนขับแท็กซี่ ไปถึงจุดที่มิจฉาชีพอ้างให้ไปรับสินค้า แต่ไม่พบว่ามีร้านที่มิจฉาชีพกล่าวอ้าง พอนำบัตรเอทีเอ็มที่มิจฉาชีพให้ไว้ไปกดก็พบว่ารหัสไม่ถูกต้องแถมตู้ก็ยึดบัตร อยากให้ตำรวจเร่งตามตัวมาดำเนินคดี คาดมีผู้เสียหายอีกหลายราย
เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 26 กันยายน 2566 ที่ศูนย์ประสานงานสื่อมวลชนชั่วคราวประจำจังหวัดสมุทรปราการ ในตำบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ นาย ยรรยง ผ่องจิตร อายุ 54 ปี และนาย นพพร ชีวะนิจกุล อายุ 35 ปี ทั้งสองคนมีอาชีพขับรถแท็กซี่สาธารณะ นำหลักฐานกล้องวงจรปิดที่เห็นคนร้ายรายซึ่งเป็นชายร่างท้วมแต่งตัวดีดูมีฐานะ พร้อมกับใบแจ้งความร้องทุกข์ มาแสดงต่อผู้สื่อข่าวดู เพื่อร้องทุกข์กับสื่อมวลชนให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงเตือนภัยและวอนผ่านสื่อให้ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังจากที่ออกกลอุบายชิงทรัพย์

 


นาย ยรรยง เล่าว่า ตนเองมีอาชีพขับรถแท็กซี่มาได้กว่าสามปี ไม่เคยเจอลูกค้าหลอกแบบนี้ โดยในวันนี้ ขณะที่ขับรถตระเวนหาลูกค้าย่านบางพลีมาตามถนนเทพารักษ์จนมาถึงแถวแยกคลองขุด ก็มีลูกค้ารายหนึ่งโบกรถ ตนเองก็จอดรถรับตามปกติ ซึ่งพบว่าเป็นชายวัยกลางคนแต่งตัวดีดูภูมิฐานทรงเสี่ย พอคนร้ายขึ้นรถมาก็บอกว่า ตัวเองเป็นเจ้าของเต็นท์รถแถวแยกคลองขุด ซึ่งตนเองก็พอจะนึกภาพออกว่าจุดดังกล่าวมีเต็นท์รถอยู่จริง แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นลูกค้าปกติ พอขึ้นรถมาไม่นานก็บอกจุดหมายว่าให้ไปส่งแถวบางโฉลง ระหว่างเดินทาง คนร้ายรายนี้ทำทีโทรศัพท์ไปหาปลายทาง แล้วคุยสายทำนองต่อว่าปลายสายว่าทิ้งงานของเขา หลังจากที่วางสาย คนร้ายรายนี้ก็บ่นให้ฟังว่า รถแท็กซี่ที่ตนเองใช้บริการว่าจ้างให้รับส่งงานประจำนั้น ชอบทิ้งงานเพราะติดเมาสุรา พร้อมกับเสนองานให้กับตนเอง โดยให้เป็นลูกค้าประจำ วิ่งรับส่งอะไหล่จากแถวมหาลัยหัวเฉลียวมาแยกคลองขุดและจะให้ค่าจ้างเที่ยวละ 700 บาท ตนเองเห็นว่าระยะทางไม่ไกลและค่าเที่ยวดี ประกอบกับอยากได้ลูกค้าประจำ ก็ตอบตกลงไป ระหว่างทางคนร้ายก็ชวนคุยไปเรื่อย บอกทำธุรกิจหลายอย่าง แล้วหันมาถามตนเองว่าห้อยพระอะไร ซึ่งเขาบอกว่าเข้าเป็นคนชื่นชอบพระเครื่อง พร้อมทั้งเอ่ยปากขอดูพระ ตอนนั้นตนเองก็ไม่คิดอะไรและควักพระเครื่องในกระเป๋าคาดออกให้ไป จนขับรถมาถึงแถวบางนา กม.16 คนร้ายบอกให้ตนเองจอดรถตรงนี้ แล้วบอกว่าให้ตนเองเริ่มงานได้เลย โดยให้ขับรถไปรับยางห่างจากจุดนี้ไปประมาณ สองกิโลเมตร พร้อมทั้งให้บัตรเอทีเอ็มมาไว้หนึ่งใบ ก่อนจะพูดทำนองว่าไว้ใจได้หรือไม่ ในบัตรมีเงินหกแสนบาทแต่ให้ตนเองไปกดเงินสี่หมื่นเพื่อไปรับยาง ซึ่งคนร้ายยังทำทีโทรหาปลายสายที่อ้างว่าให้ตนเองไปเอายาง พร้อมระบุว่าให้กดเงินสี่หมื่นไปจ่าย และทำทีจะควักเงินค่ารถให้ ตนเองก็หวังดีและคิดดีบอกยังไม่เอาเดี๋ยวเก็บเงินทีเดียว ส่วนพระเครื่อง คนร้ายบอกว่าขอเก็บไว้ก่อนเพราะไม่ไว้ใจตนเองเพราะในบัตรมีเงินหกแสน พอตกลงเสร็จก็ส่งลูกค้าลงตามคลิปวงจรปิด จากนั้นก็ขับรถไปที่นัดหมาย แต่พอไปได้ครึ่งทางไม่พบตึกสามชั้นที่คนร้ายบอก ลองแวะกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มปรากฏว่ารหัสที่คนร้ายให้มานั้นผิดจนถูกตู้ยึดบัตรไป จึงเอะใจแล้วว่าอาจจะถูกหลอก รีบวนรถกลับมาก็ไม่เจอตัวแล้ว กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอก คนร้ายก็หายไปพร้อมกับพระเครื่อง เกจิชื่อดังหลายองค์ตีมูลค่าไม่ได้เพราะบางองค์เป็นพระเก่าแก่ ทั้งสมเด็จขุนแผน,หลวงปู่ทวด,หลวงปู่ทิม และบัตรเอทีเอ็มของตนเองอีกสามใบ ยังเคราะห์ดีที่เอะใจรีบโอนเงินในบัญชีที่เหลืออยู่สองร้อยไปให้ภรรยาก่อนจะถูกโอนต่อไป ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.บางพลี โดยสืบสวนยังบอกว่าคนร้ายรายนี้เคยมีประวัติในลักษณะเช่นนี้มาแล้วและเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน
นายนพพร คนขับอีกคัน คันนี้ถือเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง จากภาพวงจรปิดจะเห็นว่าคนร้ายรายนี้พอหลอกคุณยรรยง เสร็จ ก็โบกรถแท็กซี่ต่อเนื่อง ซึ่งรถแท็กซี่ที่คนร้ายโบกขึ้นไปนั้นก็คือรถของคุณนพพร ซึ่งคุณนพพร บอกว่า พอเห็นโบกรถก็จอดรับ แล้วคนร้ายออกอุบายว่าเป็นเจ้าของร้านแบตเตอรี่ตรงนั้น บอกว่าให้ไปส่งย่านกิ่งแก้วที่ร้านอีกแห่ง ซึ่งพอไปถึงจุดที่ลงรถก็เป็นร้านแบตเตอรี่ไดนาโมจริง และในระหว่างทางก็ออกอุบายคล้ายทำนองเดียวกับคุณยรรยงเหมือนกันทุกอย่าง ส่วนตนเองต้องสูญเสียโทรศัพท์เก่าๆไปหนึ่งเครื่องและเงินในบัญชีที่คนร้ายอ้างว่าเอาค้ำประกันตอนที่ให้บัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน ซึ่งเงินในบัญชีของตนเองถูกคนร้ายโอนไปสองพันกว่าบาท หลังจากเกิดเรื่องก็ไปแจ้งความที่ สภ.บางแก้ว ไว้แล้ว และตนเองยังแอบน้อยใจคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายที่มองว่าเงินแค่สองพันเอง ซึ่งตนเองอยากบอกว่าเงินสองพันที่เสียไป สำหรับบางคนอาจมองว่าน้อยแต่สำหรับตนเองแล้วเงินสองพันนี้สามารถใช้จ่ายในครอบครัวได้เกือบทั้งเดือนรวมถึงค่านมลูกด้วย
จึงอยากให้ตำรวจเร่งตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีเพราะเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายและคงไม่หยุดก่อเหตุเช่นนี้
**********************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ