ข่าวพาดหัวตรวจสอบทำร้ายร่างกาย

ทีมเพจเป็นหนึ่ง ลงพื้นที่บางสะพานน้อย ประสาน ปกครอง ตำรวจ พมจ. บุกช่วย 3 พี่น้องหนูน้อย

ทีมเพจเป็นหนึ่ง ลงพื้นที่บางสะพานน้อย ประสาน ปกครอง ตำรวจ พมจ. บุกช่วย 3 พี่น้องหนูน้อย หลังผู้ใจบุญนำไปเลี้ยงเป็นหลานบุญธรรม และทำร้ายร่างกาย พบบาดแผล น้ำร้อนลวก มีดฟันหลัง ( งานสั่ง )
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 พ.ย. 2566 ที่ สภ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง พร้อมด้วย น.ส.วารุณี ดอกจันทร์ หน.บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นักสังคมสงเคราะห์ พมจ.ประจวบคีรีขีนธ์ เข้าพบ พ.ต.ท.วิชาญ ยศชู รอง ผกก.สืบสวน สภ.บางสะพานน้อย และ พ.ต.ท.ชาติ แสนทวีสุข รอง ผกก.ป.สภ.บางสะพานน้อย เพื่อร้องเรียนกรณี พบเด็ก 3 พี่น้อง ถูก 2 ตา-ยาย บุญธรรม ที่รับมาเลี้ยงทำร้ายร่างกาย โดยใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 20 นาทีก่อนจะมีการประสานไปยังโรงเรียน ที่ ด.ช.A (นามสมมติ) อายุ 7 ปี และ  หรือ ด.ช.B อายุ 6 ปี ที่เด็กทั้ง 2 กำลังศึกษาอยู่ เพื่อนำเด็กมาพบกับนักสังคมสงเคราะห์ และ เจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากเด็กทั้ง 2 คน


ซึ่งเบื้องต้นเพบว่า ด.ช.A พี่ชายคนโตมีบาดเเผลคล้ายถูกน้ำร้อนลวกที่มือทั้งสองข้างตั้งแต่ช่วงปลายนิ้วมือจนถึงข้อศอกทั้งสองข้าง และ ด.ช.B มีแผลฉีกขาดที่บริเวณกลางหลังเหนือเอว ยาวประมาณ 6 เซนติเมตร ลักษณะถูกของมีคม และ ยังมีน้องสาว ด.ญ.C อายุ 3 ปี พักอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันกับ 2 ตา-ยาย ทราบชื่อภายหลังคือ นายพนอ ทิพย์คีรี อายุ 57 ปี และ นางพันธุ์ศิริ ทิพย์คีรี อายุ 46 ปี ภรรยา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางสะพานน้อย ร่วมกับ นายสุทิน ประเสริฐศักดิ์ นายอำเภอบางสะพานน้อย เจ้าหน้าที่จาก พมจ.ประจวบคีรีขันธ์ และ กลุ่มป็นหนึ่ง เดินทางไปยังบ้านของนายพนอ และ นางพันธุ์ศิริ ที่ตั้งอยู่ในสวนยางพาราในพื้นที่บ้านทุ่งไทร ต.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย โดยบ้านดังกล่าวเปิดเป็นโรงฆ่าหมูขนาดเล็กๆ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบนางพันธุ์ศิริ (เสื้อสีชมพู) อยู่ภายในบ้านร่วมกับ บุตรสาวและหลาน พร้อมกับ ด.ญ.C วัย 3 ปี อยู่ภายในบ้านแต่ไม่พบนายพนอ ซึ่งทราบต่อมาว่าได้เข้าไปทำงานอยู่ในสวนยาง สำหรับ ด.ญ.C วัย 3 ขวบ มีแผลถลอกที่หัวและรอยขีดข่วนที่เอวขวา และที่มือซ้ายนิ้วชี้ไม่สามารถเหยียดตรงได้เนื่ิิองจากมีผังพืดใต้ผิวหนัง เด็กมีลักษณะซึม ไม่พูดคุย แต่เมื่อทีมเป็นหนึ่งเข้าไปหา เด็กก็ได้เข้ามาสวมกอดทางเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปรับตัวไว้แน่น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้พูดคุยสอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับนางพันธุ์ศิริ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

นางพันธุ์ศิริ เปิดเผยว่า ตนและสามีได้รับเด็กทั้ง 3 คนมาดูแลจากพ่อเด็กซึ่งมีปัญหาแยกทางกับแม่ของเด็ก ตนเพิ่งเสียหลานชายไปจึงอาสารับเด็กๆมาดูแลเลี้ยงดู ค่าใช้จ่ายทุกอย่างตนเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดู ส่วนแผลน้ำร้อนลวกที่เเขนทั้งสองข้างเกิดขึ้นเนื่องจาก ด.ช.A ไปใช้ตะแกรงตักขนหมู ในน้ำร้อนที่ตั้งไฟอยู่เเต่เด็กลื่นมือหลุดลงไปในน้ำร้อนในกระทะจึงเป็นแผลที่มือทั้งสองข้าง ส่วนเรื่องตีเด็กยอมรับก็มีบ้าง ตามประสาที่เด็กมันดื้อไม่ได้ตีรุนแรงชนิดที่ว่าจะเอาถึงตายอะไร ส่วนแผลที่หลัง ด.ช.B เกิดจากเด็กวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ จุดที่กำลังทำหมูอยู่ เด็กวิ่งมาชนเองไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเด็ก ส่วนหลังจากนี้ทางพัฒนาสังคมฯ จ.ประจวบฯ จะนำเด็กทั้ง 3 ไปดูแลต่อก็ยินดีที่จะมอบให้ไปดูแล


จากนั้นนางพันธุ์ศิริ ได้พาไปดูบริเวณจุดที่ ด.ช.A โดนน้ำร้อนลวก ซึ่งเป็นบริเวณที่ใช้ลวกหมู มีลักษณะเป็นเตาที่ก่อขึ้นจากปูนขนาดใหญ่ มีกระทะ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 85-90 ซม. ตั้งอยู่ ซึ่งเป็นบริเวณที่ใช้สำหรับลวกหมูเพื่อขูดขน และได้ทำท่าประกอบขณะที่ ด.ช. A ถูกน้ำร้อนลวก พร้อมกับยืนยันว่าเด็กลื่นและมือจุ่มลงไปในกระทะเอง จนเป็นแผลที่มือทั้ง 2 ช้าง
น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง กล่าวว่า มีประชาชนผู้หวังดีได้ร้องเรียนมาทาง เพจ เป็นหนึ่ง ให้ข้อมูลมาว่ามีบ้านหลังหนึ่งได้นำเอาเด็ก 3 พี่น้อง มาเลี้ยงแต่ได้รับการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม ซึ่งมีการใช้แรงงานเด็ก และมีการทำร้ายร่างกายเด็กโดยพบบาดแผลที่ร่างกายเด็ก และได้ประสานเจ้าหน้าที่ บ้านพักเด็ก และ พัฒนาสังคมความมั่นคงของมนุษย์ ( พมจ.) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้ตรวจสอบ โดยทราบประวัติคนที่นำเด็กมาเลี้ยงนั้นไม่ธรรมดา จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางสะพานน้อย และทางอำเภอบางสะพานน้อย นำทีมเข้าไปเพื่อเข้าไปรับเด็กอีกคนที่อยู่ที่บ้าน พอได้คุยกับเด็กแล้วซึ่งก็เป็นเรื่องจริงในสิ่งที่เด็กถูกกระทำ คือมีบาดแผลน้ำร้อนลวกตั้งแต่ปลายนิ้วถึงข้อศอกทั้ง 2 ข้าง ไม่ได้รับการรักษา ทาแค่น้ำมันมะพร้าวให้น้องซึ่งเราเห็นแล้วเราหดหู่ พอเข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าวยังเหลือน้องผู้หญิง เขาเห็นเราเขาเดินมาหาเราก็กอดเราแน่นเลยกลัว เราต้องรีบพาออกมาข้างนอกก่อน ตอนนี้ต้องจัดให้ไปอยู่บ้านพักเด็กจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในส่วนคดีความกับคนที่นำน้องไปเลี้ยงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนอีกที เพื่อเก็บพยานหลังฐานเพิ่มเติมเพื่อออกหมายเรียก หรือหมายจับ ต้องอยู่ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพยานหลักฐานก็อยู่ที่ตัวเด็ก และอยู่ที่คำให้การของเด็ก ซึ่งเจ้าหน้าที่สอบสวนต้องดูคำให้การของเด็กด้วย


ล่าสุด ความคืบหน้าผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง น.ส.วารุณี ดอกจันทร์ หน.บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ให้รายละเอียดว่า หลังจากได้นำหนูน้อยทั้ง 3 คน เข้ามาดูแลยังที่บ้านพักเด็ก เด็กทั้ง 3 คน ก็มีนิสัย ร่าเริง เล่น เป็นปกติ โดยในวันที่ 8 พ.ย. จะนำตัวเด็กทั้ง 3 คน เข้าพบแพทย์ที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์เพื่อตรวจร่างกาย เพื่อนำผลตรวจร่างกายส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป หลังจกนั้นจะพาเด็กทั้ง 3 คน เจ้าตรวจร่างกายสภาพจิตใจยัง รพ.หัวหิน พร้อมตามผู้ปกครองเข้ามาปรึกษาพูดคุย ในวันจันทร์ที่จะถึง และประสานไปทางโรงเรียนที่เด็กเรียนอยู่เพื่อให้ส่งใบงาน หรือ การบ้าน ให้น้องทำ โดยเด็กทั้ง 3 คน จะอยู่ที่บ้านพักเด็กได้ไม่เกิน 3 เดือน และจะสอบถามทางผู้ปกครองหรือญาติแท้ๆ จะนำกลับไปเลี้ยงดูแลต่อหรือไม่ หากไม่มี ก็ต้องนำเด็กไปยังสถานสงเคราะห์เด็กฯ ต่อไป
/////////////////////////////
ทีมข่าวเฉพาะกิจ รายงาน