ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัว

คปภ. ผนึกกำลัง กนอ. และภาคีเครือข่ายทั่วประเทศต่อยอดปลุกพลังนักบิดปี 2 คุ้มครองอย่างห่วงใย ด้วยประกันภัย พ.ร.บ.

วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2565) เวลา 13.30 น. นายชัยยุทธ มังศรี รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ และนายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รองผู้ว่าการฯ สายงานปฏิบัติการ 2 ร่วมกันเป็นประธาน แถลงข่าวเปิดตัว “คปภ. ปลุกพลังนักบิด คุ้มครองอย่างห่วงใย ด้วยประกันภัย พ.ร.บ.”ภายใต้โครงการรณรงค์เชิงรุกในพื้นที่นำร่องเพื่อส่งเสริมการทำประกันภัย พ.ร.บ. อย่างยั่งยืน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ชลบุรี จังหวัดชลบุรี โดยมีคณะผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) คณะผู้บริหารของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ตัวแทนจากภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน

รองเลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า “ประกันภัย พ.ร.บ. เป็นประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ถือเป็นประกันภัยภาคบังคับที่กฎหมายกำหนดให้เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถ ทุกคันทุกประเภทต้องจัดทำประกันภัย พ.ร.บ.เพื่อเป็นหลักประกันให้กับผู้ประสบภัยจากรถทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงคนเดินเท้า ซึ่งให้ความคุ้มครองทั้งในกรณีบาดเจ็บ จนถึงกรณีเสียชีวิตที่ให้ความคุ้มครอง สูงสุด 500,000 บาท แต่จากสถิติที่ผ่านมากลับพบว่ามีการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถจักรยานยนต์เพียงแค่ร้อยละ 66 (ข้อมูล ณ ตุลาคม 2566) เปรียบเทียบจากข้อมูลรถที่จดทะเบียนสะสมทั้งหมดและมีผู้ประสบภัยจากรถที่มาขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย จำนวน 8,055 ราย ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงิน 159 ล้านบาท ซึ่งจากตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ายังมีรถที่อยู่นอกระบบอีกเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีเจ้าของรถจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจและยังไม่ให้ความสำคัญของการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ด้วยเหตุดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น สำนักงาน คปภ. จึงได้จัดกิจกรรม “คปภ. ปลุกพลังนักบิด คุ้มครองอย่างห่วงใย ด้วยประกันภัย พ.ร.บ. ซึ่งจัดกิจกรรมต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและรับรู้ถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับจากการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยในการจัดกิจกรรมในปีนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เนื่องจากเล็งเห็นว่าในพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมมีพี่น้องชาวแรงงานและประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากโดยมีการใช้รถใช้ถนนในเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการใช้รถจักยานยนต์ในการสัญจรไปมาเป็นหลัก ประกอบกับมีการเกิดอุบัติเหตุขึ้นเป็นประจำ มีทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและถึงขึ้นเสียชีวิต ทำให้เกิดการ สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จึงได้กำหนดพื้นที่ในนิคมอุสาหกรรมเป็นพื้นที่นำร่องเพื่อจัดกิจกรรมการรณรงค์ และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชนชาวนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งสำนักงาน คปภ. และ กนอ. ได้กำหนดเป้าหมายในการลงพื้นที่จัดกิจกรรมการรณรงค์ในเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม จำนวน 3 แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จังหวัดฉะเชิงเทรา วันที่ 1 ธันวาคม 2566 และนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร วันที่ 12 ธันวาคม 2566″โดยการเลือกเปิดตัวโครงการในพื้นที่จังหวัดชลบุรีเป็นที่แรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่งและมีผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ

ด้านผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยต่อ ผู้ขับขี่มาโดยตลอด เพราะเล็งเห็นว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุจะนำมาถึงการสูญเสียที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสังคมรวมถึงคุณภาพชีวิตของผู้ประสบภัย ดังนั้น การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งและพร้อมผนึกกำลังความร่วมมือกับ สำนักงาน (คปภ.) ดำเนินการประชาสัมพันธ์และพร้อมผลักดันให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของรถ ผู้ครอบครองรถทุกคันในนิคมอุตสาหกรรมมีการจัดทำ ประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิตต่อตนเอง ครอบครัว และส่วนรวม

ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. มีความเชื่อมั่นว่า การผนึกกำลังร่วมกับ กนอ. ภาคีเครือข่ายต่าง ๆเป็นการรวมพลังในการสื่อสารถึงประชาชนโดยเฉพาะเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถทุกคน ได้ตระหนักถึงความสำคัญและรับรู้ถึงประโยชน์ และสิทธิประโยชน์ต่างๆของการทำประกันภัย พ.ร.บ. สามารถลดผลกระทบจากการสูญเสียทางทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะการ สูญเสียด้านการเงิน เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนน โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับประกันภัย พ.ร.บ. และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการได้ที่ Facebook กองทุนทดแทนผู้ประกันภัย