ข่าวพาดหัวตรวจสอบทุกข์ชาวบ้าน

แกนนำต้านโกงประจวบฯเซ็งหน่วยงานรัฐเมินเก็บซากเสาไฟสับปะรดต้นละ 8 หมื่น ในสถานที่จัดงานลอยกระทง จ่อร้องมาตรา 157 สำนักงานจังหวัดประจวบฯ โยธา ส่อเกียร์ว่าง 3 เดือนเมินแจ้งดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐแอบลักเสาไฟขายร้านเชียงกง

แกนนำต้านโกงประจวบฯเซ็งหน่วยงานรัฐเมินเก็บซากเสาไฟสับปะรดต้นละ 8 หมื่น ในสถานที่จัดงานลอยกระทง จ่อร้องมาตรา 157 สำนักงานจังหวัดประจวบฯ โยธา ส่อเกียร์ว่าง 3 เดือนเมินแจ้งดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐแอบลักเสาไฟขายร้านเชียงกง

วันที่ 27 พฤศจิกายน จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายประชาชนต่อต้านการคอร์รัปชั่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีเสาไฟประติมากรรมสับปะรดต้นละ 8 หมื่นบาท หักโค่นที่สันเขื่อนอ่าวประจวบฯ ริมถนนเลียบหาดใกล้สำนักงานเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 จึงไปตรวจสอบ พร้อมแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ เนื่องจากเกรงอันตรายจากกระแสไฟฟ้ารั่ว โดยบริเวณดังกล่าวจะมีการจัดงานลอยกระทงในค่ำคืนนี้ แต่ล่าสุดช่วงเช้าวันที่ 27 พฤศจิกายน เวลา 08.00 น.เสาไฟสับปะรดยังกองทิ้งเป็นเศษซากที่สันเขื่อน โดยไม่ได้รับความสนใจจากสำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นผู้ใช้งบพัฒนาจังหวัดตั้งแต่ปี 2556 สำนักงานโยธาธิการจังหวัด ซึ่งออกแบบและจัดซื้อจัดจ้างเพื่อติดตั้งเสาไฟสับปะรดดังกล่าวตั้งแต่สะพานสราญวิถีถึงสะพานคลองบางนางรมระยะทาง 500 เมตร แต่ที่ผ่านมาไม่มีงบในการซ่อม เสาไฟสูญหาย 24 ต้น เนื่องจากยังไม่ได้ถ่ายโอนภารกิจให้เทศบาลเมืองประจวบฯ รับไปดูแล

จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 เครือข่ายฯร่วมกับตัวแทนสื่อมวลชนเข้าพบนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าประชาสัมพันธ์จังหวัด ที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อยื่นหนังสือลงนามโดยประธานชมรมสื่อมวลชนขอให้เชิญ หัวหน้าสำนักงานจังหวัด หัวหน้าสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานปกครองท้องถิ่น นายกเทศมนตรีเมืองประจวบคีรีขันธ์ ชี้แจงการใช้งบประมาณในการจัดสร้างเสาไฟฟ้าสับปะรดตลอดแนวชายหาดอ่าวประจวบฯความยาว 8 กิโลเมตร เนื่องจากปัจจุบันไฟแสงสว่างจากเสาไฟสับปะรดสามารถใช้งานได้เพียงบางพื้นที่เท่านั้น นอกจากนั้นมีเสาไฟสูญหายจำนวนมาก แต่ไม่พบว่ามีทะเบียนคุมพัสดุ เสาไฟที่ชำรุดบางส่วนมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่งการนำไปขายให้ร้านรับซื้อของเก่า ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดรับเป็นเจ้าของทรัพย์สิน

“ สำหรับกรณีเสาไฟฟ้ายังไม่มีหน่วยงานใด ยอมรับเป็นเจ้าของ หลังจากโยธาฯอ้างว่าส่งมอบให้เทศบาลแล้วนานกว่า 9 ปี แต่เทศบาลแจ้งว่าการส่งมอบเป็นโมฆะโดยไม่ได้นำไปผ่านความเห็นจากสภาเทศบาลจะมีการ้องเรียนถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. สำหรับการยื่นหนังสือดังกล่าว ทราบว่ายังไม่มีหน่วยงานในจังหวัดมีการชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่มีสื่อสอบถาม ทั้งที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมข้อมูล ข้อเท็จจริง เพื่อชี้แจงให้สื่อมวลชนรับทราบและนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”

จ่าอาอาศเอกเสกสรรค์ กล่าวว่า เครือข่ายฯจะติดตามกรณีเสาไฟสับปะรดสูญหายเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ซึ่งได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบฯหลังจากพบเสาไฟสับปะรดกองทิ้งไว้ที่บ่อบำบัดน้ำเสีย ไม่มีหน่วยงานใดรับเป็นเจ้าของ โดยพบว่าก่อนหน้านั้นมีการนำไปขายที่ร้านเชียงกงแห่งหนึ่ง เจ้าของกิจการแจ้งว่าได้รับซื้อถูกต้องมีการบันทึกคลิปภาพไว้เป็นหลักฐาน แต่ต่อมาอ้างว่ากล้องวงจรปิดเสียหาย โดยมีเบาะแสเจ้าหน้าที่รัฐนำเสาไฟใส่รถกระเช้าสีส้มขององค์กรปกครองท้องถิ่นแห่งหนึ่งไปขายที่เชียงกงราคา 700 บาท ต่อมาหน่วยงานต้นสังกัดมีการสอบสวนข้อเท็จจริง มีการตัดเงินเดือนคนงานที่เกี่ยวข้อง แต่หน่วยงานดังกล่าวไม่ได้ส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่สำนักงานโยธา สำนักงานจังหวัดไม่ได้มอบอำนาจให้ผู้ใดไปแจ้งดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ของทางราชการ ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

นายพิศิษฐ์ รื่นเกษม ประธานชมรมสื่อมวลชนฯ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากตัวแทนสื่อยื่นหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากหน่วยงานใดขัดข้อง โปรดแจ้งเหตุผลให้ทราบภายใน 7 วัน แต่ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดประสานงานเพื่อชี้แจงแต่อย่าง เนื่องจากการทำหน้าที่ของสื่อต้องเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ให้ประชาชนและผู้สนใจได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน โดยหน่วยงานรัฐควรใช้งบประมาณ และทำหน้าที่ด้วยความโปร่งใส เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมตามหลักธรรมาภิบาล ////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 064364-1644