เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับแล้วสาวชิงทองจากห้างทองพัณณิตาพิษณุโลก สารภาพสิ้นชิงเสร็จเอาทองไปขาย นำเงินไปจ่ายค่างวดรถ และหนี้นอกระบบ
เมื่อเวลา 14:30 น วันที่ 15 ธันวาคม 2566 พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้แถลงข่าวจับกุมคนร้ายชิงสร้อยทองหนัก 2 บาท จากห้างทองพัณณิตา ตำบลหัวรออำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้แล้วตั้งแต่ช่วง 2ทุ่ม ของค่ำคืนที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 14.40 น.ของวันที่ 14ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทรัพย์เป็น สร้อยคอทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 2 บาท จากห้างทองพัณณิตา ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยเจ้าของร้านคือนางสาวปารวีรัตน์ สุวรรณบุญญาพร อายุ 47 ที่อยู่ 12/22 หมู่ 7 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เล่าให้ฟังว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ เป็นหญิง อายุประมาณ 30-40 ปี ได้เดินทางมายังห้างทองพัณณิตา และทำทีขอผู้เสียหายดูสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 บาท และ 1 บาท จำนวนหลายเส้น และพูดคุยสอบถามราคากับผู้เสียหายเป็นเวลาประมาณ ไม่เกิน 2 นาที จากนั้นคนร้ายได้คว้าสร้อยคอทองคำ เส้นที่อยู่ริมสุดน้ำหนัก 2 บาท วิ่งออกจากร้านไปขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ 110 สีส้ม – ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่จอดอยู่หน้าห้างทอง แล้วขับขี่หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุมุ่งหน้าไปตัว อ.เมืองพิษณุโลก แยกหัวรอ แยกแสงดาว แล้วหลบหนีไป
ซึ่งคดีดังกล่าว เป็นคดีอุกฉกรรจ์ เป็นคดีที่สนใจของประชาชน เนื่องจากก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ห้างทอง ภายในพื้นที่ ชุมชน อ.เมือง จ.พิษณุโลก ต่อมาภายใต้การอำนวยการและสั่งการของ พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช..ภ.6 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นิคม เครือนพรัตน์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก, พล.ต.ตไสว ครุธผาสุข ผบก.สส.ภ.6 , พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ, พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ สมชัยมงคล รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก และ พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ให้เร่งรัด สืบสวน หาตัวผู้กระทำผิด มาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว
จากการสืบสวน ของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก และ กก.สืบสวน ภ.จว.พิษณุโลก และบก.สส.ภ.6 ได้ทำการสืบสวนหาข่าว และไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายก่อเหตุ และหลบหนี จนกระทั่งต่อมาในวันเดียวกัน วันที่ 14 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 20.00 น.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวนจนเชื่อได้ว่า นางสาวรุ่งทิพย์ หรือ แก้ว หยวกอ่อง ทราบชื่อภายหลัง อายุ 28 ปี ที่อยู่238 ม.3 ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก น่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุในคดี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า คนร้ายก่อเหตุวิ่งราวสร้อยคอทองคำ น่าจะหลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 283 ม.3 ต.บ้างกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบนางสาวรุ่งทิพย์ฯ อยู่ที่บ้านพักหลังดังกล่าว
จากการสอบถาม นางสาวรุ่งทิพย์ฯ ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุ และได้เป็นผู้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นภายในบ้านพัก ผลการตรวจค้นของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิด ดังนี้ 1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ-ส้ม คันทะเบียน 1กด 6503 พิษณุโลก จำนวน 1 คัน 2. เสื้อแขนยาว สีดำ จำนวน 1 ตัว 3. กางเกงขายาว สีดำ จำนวน 1 ตัว 4. เสื้อยืด สีขาวดำ ทำเป็นหมวกคลุมหน้า จำนวน 1 ตัว 5. รองเท้าแตะ จำนวน 1 คู่ 6. ใบเสร็จ ธ.กรุงศรีฯ ที่ผู้ต้องหา จ่ายค่ารถ จำนวน 28,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมนางสาวรุ่งทิพย์ฯ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเผื่อให้พ้นจากการจับกุม” ในชั้นจับกุมนางสาวรุ่งทิพย์ฯให้การยอมรับว่ากระทำความผิดจริง และให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหามีความต้องการใช้เงินเร่งด่วน เนื่องจากมีภาระหนี้สินเรื่องผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้ารุ่น เวฟ 110 สีส้มดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไปยังห้างทองพัณณิตา ที่เกิดเหตุ จากนั้นทำทีขอเจ้าของร้านดูสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 บาท เมื่อผู้เสียหายนำทองในใส่ถาดให้ตนดู จึงได้ใช้มือฉกฉวยสร้อยคอทองคำแล้ววิ่งหลบหนี ไปขับขี่รถจักรยานยนต์ ที่จอดอยู่หน้าห้างทอง ขับขี่หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ ไปที่บ้านพักของตน ต่อมาเวลาประมาณ15.00 น. ผู้ต้องหาจึงได้นำสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 บาท ของกลาง ไปขายที่ห้างทองเยาวราช ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ในราคา 63,000 บาท จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดสร้อยคอทองคำ ของกลาง จำนวน 2 บาท จากห้างทองเยาวราช ที่ผู้ต้องหานำไปขาย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนางสาวรุ่งทิพย์ฯ ผู้ก่อเหตุไปทำแผนประกอบคำและสารภาพที่ห้างทองพัณณิตา ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เพื่อประกอบคำรับสารภาพ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จึงขอประชาสัมพันธ์กำชับให้ธนาคาร ร้านทอง ร้านสะดวกซื้อ และสถานประกอบการอื่น ๆที่ล่อแหลมต่อการเกิดเหตุ ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันเหตุร้ายและสัญญาณเตือนภัย เช่น กล้องโทรทัศน์วงจรปิด ทั้งภายในและนอกสถานที่ประกอบการ มีการทดสอบเป็นประจำทุกวันว่า กล้องดังกล่าวสามารถบันทึกภาพได้อย่างชัดเจน สังเกตพฤติกรรมบุคคลที่เข้ามาซื้อสินค้า หรือใช้บริการ หรือคนแปลกหน้า ที่มาเดินวนเวียนไปมาหน้าร้านค้า ร้านทองหลายครั้ง ส่วนประชาชนทั่วไป ให้ระมัดระวังป้องกันตนเอง โดยไม่สวมใส่เครื่องประดับราคาแพงไปในที่สาธารณะต่างๆ เพื่อมิให้เป็นที่ล่อสายตาคนร้าย และป้องกันการก่อเหตุชิงทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนางสาวรุ่งทิพย์ หรือ แก้ว หยวกอ่อง ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำสารภาพที่ร้านทองในที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะช่วงทำแผน นางสาวรุ่งทิพย์ ผู้ต้องหา ได้กล่าวขอโทษเจ้าของร้านทอง โดยเจ้าของร้านได้พูดกับผู้ต้องหาว่า หลังจากรับโทษแล้วออกมากลับตัวกลับใจให้เป็นคนดีของสังคม
ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก