จากกรณีเพจสายไหมต้องรอด โพสต์ภาพและข้อความว่า “แอดคะ ช่วยพี่สาวคนเดียวของหนูด้วยนะค่ะ มีคนฆ่าพี่สาวหนู เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.66 แฟนพี่สาวหนูโทรมาหาท่าทีดูตกใจ เขาถามหนูว่าพี่สาวหนูมีโรคประจำตัวไหม หนูตอบไปว่าไม่มีนะพี่ จากนั้นเขาก็บอกว่าพี่หนู ชัก ตัวเขียวไปแล้วไม่รู้เป็นอะไร หนูตกใจมากเลยพูดกลับไปว่าแล้วทำไมพี่ไม่ส่งพี่หนูไปโรงบาล จากนั้นเขาตัดสายทิ้งและนำพี่สาวหนูไปส่งโรงพยาบาล เขาโทรกลับมาหาหนูอีกครั้งบอกว่าถึงโรงพยาบาลแล้ว และเสียงที่หนูได้ยินจากพยาบาลที่กำลังถามแฟนพี่หนูว่า คนไข้เป็นอะไรมาคะทำไมไม่มีชีพจรแล้ว หนูได้ยินน้ำตาตกแทบเป็นลมล้มทั้งยืน เขาไปแจ้งกับทางโรงบาลว่าพี่หนูชักเกร็ง หยุดหายใจ เขาไม่ได้บอกทางโรงบาลว่าทำร้ายพื่หนู จากนั้นหนูรีบมาที่โรงพยาบาล พอมาถึงพี่หนูก็ไม่มีชีพจรแล้ว หนูกับแม่เลยรีบขอให้หมอเร่งปั้มหัวใจ ผ่านไปประ มาน 10 กว่านาที่ ชีพจรกลับมาและให้ยากระตุ้นหัวใจ หัวใจพี่หนูเลยกับมาเต้นเพราะใช้เครื่องช่วยหายใจและยา แต่ พี่หนูไม่ฟื้น หนูมาถึงโรงบาล สภาพแรกที่เห็นพี่หนูแทบจะ ขาดใจลงตรงนั้น พี่หนูตัวเขียวช้ำไปทั่วตัว นอนพันสาย ระโยงระยาง หมอเลยเรียกแม่กับหนูเขาไปถามว่ารู้ไหม คะลูกถูกทำร้ายมา แม่หนูบอกหมอว่า ไม่รู้ค่ะ เค้าบอกแค่ ว่าลูกเราชัก หมอเลยบอกว่าตามตัวมีรอยถูกทำร้ายเยอะมาก เขียวซ้ำไปหมด และที่สำคัญคือขาดอากาศหายใจมาสักพักแล้ว ผลเอ็กซเรย์พบว่า กระดูกซีกโครกหักหลายซี่ เลือดคลั่งในสมอง ฯลฯ หนูเลยรีบเดินกลับไปถามแฟนพี่หนูว่ามันเกิดอะไรขึ้น คราวนี้เค้ารับสารภาพว่าเค้าตบพี่หนูไปสองที่จนพี่หนูตกเตียงแล้วก็ชัก ซึ่งเค้าพูดไม่เหมื่อนกัน 2 -3 รอบ บอกคิดว่าพี่ หนูแกล้ง จึงไม่ได้สนใจ จนเค้าจะเรียกพี่หนูกินข้าว เห็น นิ่งไป พอไปดูเค้าบอกพี่หนูตัวเขียวแล้ว ปั้มหัวใจไม่ฟื้น เลยโทรหาหนูและนำส่งโรงพยาบาล คือเค้าพูดไม่ตรงกัน รนไปหมดทุกอย่าง จนพี่หนูนอนนิ่งไม่ตื่น หมอบอกพี่หนู สมองตายแล้ว รอปาฏิหารเท่านั้น หมอหวังว่ามันจะเกิดขึ้น สุดท้ายวันนี้ 31 ธ.ค.66 ปาฏิหารไม่เกิดขึ้นค่ะ พี่หนูจาก ไปแล้ว หมอบอกพี่หนูขาดอากาศหายใจก่อนมาส่งโรง พยาบาลนานเกินไป ตอนนี้คนทำร้ายพี่หนูเค้าหายไปแล้ว ติดต่อไม่ได้ หนูอยากให้คดีที่หนูตัง ไม่อยากให้พี่หนูต้อง ตายฟรี พี่สาวที่เป็นเหมื่อนดวงใจเป็นหัวหน้าครอบครัว ของเรา ฝาก #เพจสายไหมต้องรอด ช่วยพี่หนูด้วยนะคะ”
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 1 ม.ค.67 ทีมงานสายไหมต้อง รอด พร้อมครอบครัวผู้เสียชีวิตเดินทางเข้ารับศพที่ รพ.พระนั่งเกล้า เพื่อขอรับเอกสารการเสียชีวิตก่อนนำไปรับร่างที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพระพิเรน สำหรับทางด้านคดีทางเพจสายไหมต้องรอดได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผบก.ก.จว.นนทบุรี และ พ.ต.อ.สมชาย แจ้งธรรมมา ผกก.สภ.บางศรีเมือง เพื่อขอให้ติดตามจับกุม คนร้ายมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด บรรยากาศที่ห้องพักศพ รพ.พระนั่งเกล้า ถนนนนทบุรี ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี นายพนธกร ผุยพันธ์ อายุ 26 ปี น้องชายซึ่งเป็นสาวประเภทสอง เดินทางมาพร้อม น.ส.อินทร์ชญาร์ สีสังข์ ทีมงานสายไหมต้องรอด เพื่อขอรับเอกสารการเสียชีวิต ของ น.ส.เพชรรัตน์ ผุยพันธ์ อายุ 32 ปี จากเจ้าหน้าที่พ้องพักศพ รพ.พระนั่งเกล้า จากนั้นได้เดินทางไป สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อรับเอกส่รประจำวันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อไปรับร่างผู้เสียชีวิตที่สถาบันนิติวิทยาศตร์ ไปบำเพ็ญกุศล สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 16.58 น.วันที่ 31 ธ.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง ได้รับแจ้งความจาก น.ส.เข็มพร เข็มเพชร อายุ 52 ปี ชาวจังหวัด อุบลราชธานี ว่าเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 17.54 น. ได้มี นายธนวัฒน์ เฉลยพบ หรือโบ้ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นแฟนของ นางสาวเพ็ชรรัตน์ ผุยพันธ์ ซึ่งเป็นบุตรสาวของตนได้โทรมาหาและแจ้งว่าบุตรสาวของตนมีอาการ ซัก ตนจึงได้ ให้ไปพาไปโรงพยาบาล หลังจากนั้น ตนได้ทราบจากแพทย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าว่า บุตรสาวของตนมีลักษณะ คล้ายกับถูกทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บโดยมีบาดแผล ร่องรอย ซี่โครงหัก เลือดออก ในสมอง และ ขาดอากาศหายใจ ขณะนี้ยังไม่รู้สึกตัว จึงเชื่อว่า นางสาวเพ็ชรรัตน์ฯ ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ จึงเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่ทำร้ายร่างกายบุตรสาวของตน จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามกฎหมายต่อไป เหตุเกิดที่ ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี วันที่ 29 ธันวาคม 2566 นายพนธกร ผุยพันธ์ อายุ 26 ปี น้องสาว(สอง) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.66 ตนได้รับโทรศัพท์จากนายโบ้ แฟนของพี่สาว ถามว่าพี่สาวมีโรคประจำตัวไหม ตนจึงตอบไปว่าไม่มีซึ่งเขาแจ้งว่าพี่สาวตนไม่รู้เป็นอะไรชักจนตัวเขียว ตนจึงบอกให้รีบพาส่งโรงพยาบาล เขาก็ตัดสายโทรศัพท์ไป เมื่อถึงโรงพยาบาลเขาได้โทรกลับมาอีกตนได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่แจ้งว่า คนไข้เป็นอะไรมาทำไมไม่มีชีพจร พอตนได้ยินแบบนั้นก็ใจสั่น และแจ้งไปว่าทำอะไรก็ได้ให้พี่ตนกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทางเจ้าหน้าที่จึงนำพี่สาวตนไปปั้มหัวใจ จากนั้นตนกับแม่จึงนั่งรถไปที่ รพ.พระนั่งเกล้า นายพนธกร กล่าวต่อว่า เมื่อตนกับแม่ถึงโรงพยาบาลพบว่าตามร่างกายพี่สาวมีร่องรอยเขียวช้ำ นอนนิ่ง ตนคิดได้เลยว่าตนจะไม่ได้พี่สาวกลับมาแล้วจึงแพทย์ได้แจ้งว่าพี่สาวถูกทำร้ายร่างกายมา ซี่โครงหักหลายซีก มีเลือดออกในสมอง ขาดอากาศหายใจตั้งแต่ก่อนนำส่งโรงพยาบาล ตอนที่อยู่โรงพยาบาลอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจและยากระตุ้นหัวใจ จนในที่สุดเมื่อวานพี่สาวตนก็เสียชีวิต ส่วนตัวนายโบ้ หายไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น ซึ่งหลังจากแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปที่บ้านฝ่ายชาย แต่ไม่พบตัวนายโบ้แล้ว ก่อนหน้าที่ตนเคยถามนายโบ้ซึ่งเขายอมรับว่าตบพี่สาวตนไป 2 ที ตนไม่เชื่อว่าตบ 2 ทีจะทำให้พี่สาวตนขาดอากาศหายใจ เขายังหาว่าพี่สาวตนแกล้งสลบไป ทางแพทย์ก็แจ้งว่าพี่สาวตนมีร่องรอยถูกทุบตีมาก่อนหน้าซึ่งเป็นรอยเก่า พี่สาวตนไม่เคยบอกว่าถูกทำร้ายมาก่อน นายพนธกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ครอบครัวเจอกับพี่สาวครั้งสุดท้ายวันเกิดพี่สาว 19 ก.ย.66 จากที่ตนาอบถามนายโบ้ เขาบอกว่าหึงหวงพี่สาวตน เหมือนพี่วาวตนคุยโทรศัพท์กับคนอื่น เคยมีเหตุทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนมีเลิกลากันไปและเพิ่งกลับมาคบกันช่วงหลังวันเกิด พี่สาวคบกับนายโบ้มาได้ประมาณ 1 ปีเท่านั้น นายโบ้ดูเหมือนเป็นคนดี ตนเห็นว่าเขามาดูแลพี่สาวตนแต่สุดท้ายเขามาพรากหัวใจตนไป เยื้องต้นตอนนี้แม่ของนายโบ้ติดต่อมาหาแม่ตนแจ้งว่าติดต่อลูกชายไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี่นายโบ้ทักมาหาตนว่าอยากบวชให้พี่สาวตน ตนอยากให้เขาออกมารับผิดชอบสิ่งที่เขาทำลงไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวทหลักฐานและผลการชันสูตรจากแพทย์ หากพบว่าถูกทำร้ายจนตายจะทำการขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อไป
สาโรจน์ สว่างศรี / นนทบุรี 092-424-8444