ศูนย์ ปฏิบัติการพิเศษ ทอท. โร่แจ้งความเอาผิดผู้ปล่อยคลิปไม่หวังดี หลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบแท็กซี่ป้ายดำในสนามบินสุวรรณภูมิ
มีการส่งต่อและเผยแพร่คลิปวีดีโอความยาว 2.54 นาที พร้อมระบุในโพสต์ด้วยข้อความ ตำรวจเดี๋ยวนี้แต่งนอกเครื่องแบบหา……..แด…?กับคนขับรถแถวสุวรรณภูมิแบบนี้หรอทำไมไม่แต่งเครื่องแบบ… โดยเนื้อหาใจความในคลิปวีดีโอ เป็นการใช้กล้องมือถือบันทึกภาพในขณะที่เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ทอท. เข้าตรวจสอบบุคคลและรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคันหนึ่ง ซึ่งเข้าข่ายแท็กซี่ป้ายดำและเรียกผู้โดยสารชาวต่างชาติให้ขึ้นรถพร้อมตกลงราคา แต่กลับถูกชายปริศนาเข้ามาต่อว่าพร้อมบันทึกคลิปวีดีโอขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ถึงแม้จะมีการชี้แจงข้อห้ามและกฎหมายให้กับชายคนดังกล่าวแล้วก็ตาม ซึ่งหลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปนี้ออกไปทำให้มีการส่งต่อและมีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาคอมเม้นและวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบกับทางเจ้าหน้าที่
ล่าสุด ร.ต.อดุลย์ ไลไธสง ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ทอท. ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นำเจ้าหน้าที่ ที่ปรากฏในคลิป ก็คือ พ.อ.อ.สุรพล อินทชัย เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ทอท. เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทาง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเอาผิดกับบุคคลที่ปล่อยคลิปดังกล่าว จนสร้างความเข้าใจผิดและความเสยหายทั้ง รวมถึงเสื่อมเสียชื่อเสียง หลังจากที่ถูกชาวเน็ตเข้ามาต่อว่าจำนวนมาก
โดยภาพจากกล้องวงจรปิดในขณะเกิดเหตุ ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าชั้นสองประตู 9 ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ จับภาพชายต้องสงสัยเป็นแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งคนขับเดินลงมาจากรถแล้วโบกเรียกผู้โดยสารชาวต่างชาติ ซึ่งเข้าข่ายกระทำความผิดตามข้อห้ามของสนามบิน ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษซึ่งตรวจสอบภาพผ่านกล้องวงจรปิด จึงวิทยุแจ้งไปยังชุดปฎิบัติการนอกเครื่องแบบที่แฝงตัวปฏิบัติหน้าที่ภายในอาคารผู้โดยสารให้เข้าตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจสอบ ซึ่งบุคคลในภาพก็ออกมายอมรับว่ามีการเรียกรับผู้โดยสารจริง ซึ่งผู้โดยสารชาวต่างชาติจะเดินทางไปที่โรงแรมโนโวเทลด้านล่างภายในสนามบิน และถูกเรียกค่างจ้างแพงถึง 300 บาท พอเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบ จึงจะเชิญคนขับรายนี้มาทำความเข้าใจถึงข้อกฎหมายและข้อห้ามต่างๆของทางสนามบิน พร้อมทั้งให้ยกเลิกพาผู้โดยสารไปส่งที่หมาย แต่จัดเจ้าหน้าที่การท่าอำนวยความสะดวกพาลงไปยังโรงแรมแทน และในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังพูดคุยทำความเข้าใจกับชายคนดังกล่าว ปรากฏว่ามีชายปริศนาอีกรายโผ่มาต่อว่าและตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งยกมือถือขึ้นมาถ่าย และมาทราบภายหลังว่ามีการนำคลิปไปโพสต์ลงเฟสบุ๊คจนมีการส่งต่อและแชร์จำนวนมากสร้างความเสียหายและเข้าใจผิดต่อเจ้าหน้าที่และสนามบินสุวรรณภูมิ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รับเรื่องและลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ทราบตัวชายปริศนาคนดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่านอกจากความผิดฐานหมิ่นประมาทตัวบุคคลด้วย อาจจะเข้าข่ายความผิดตาม พรบ. คอมอีกด้วย
ขณะที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแจงไม่อนุญาตให้รถยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายดำ) เข้ารับผู้โดยสารภายในพื้นที่ เนื่องจากนำรถใช้ไม่ตรงตามประเภทที่จดทะเบียนไว้ เป็นความผิดต่อกฎหมาย พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 และฝ่าฝืนข้อกำหนด ทอท.ว่าด้วยการดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัย ณ ทสภ. พ.ศ.2553
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ ทสภ. ในครั้งนี้เป็นการกระทำตามหน้าที่ ที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ ทอท.และกฎหมาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 20 ก.พ.67 เวลาประมาณ 13.02 น. นายสมมิตร (ชายเสื้อแดงในคลิป ช่วยเบลอหน้า) ได้เข้ามาชักชวนผู้โดยสารชาวอิสราเอล ชื่อ MR.MAIMON ELFASI อายุ 49 ปี พร้อมเพื่อนรวม 3 คน บริเวณชานชาลาด้านนอกอาคารผู้โดยสาร ชั้น 2 ประตู 8 ให้ใช้บริการรถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น อัลติส สีดำ หมายเลขทะเบียน กทม. (ป้ายดำ) เพื่อเดินทางไปโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตกลงราคาค่าโดยสารเป็นเงินจำนวน 300 บาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตจาก ทอท.
ต่อมา จนท.ศปพ.ได้แจ้งให้หยุดการกระทำ และเชิญมารับทราบข้อกำหนด พร้อมกับเชิญตัวออกนอกพื้นที่ควบคุมตามข้อกำหนดฯ ซึ่งในการกระทำครั้งนี้ ทอท. โดย จนท.ศปพ. จะพิจารณาดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกอีกทั้งคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไปจึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำเข้าข่ายในความผิดตามข้อกำหนดของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) (ทอท.) ว่าด้วย การดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัย ในข้อ 5(4) ซึ่งกำหนดให้พื้นที่บริเวณชานชาลา และถนนหน้าอาคารผู้โดยสารชั้น 1,2 และ 4 เป็นพื้นที่ควบคุม ซึ่งต้องมีการปฏิบัติตามกฎระเบียบ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ทอท.กำหนด และห้ามมิให้ผู้ใดปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยในข้อ 5 (4) ระบุว่าห้าม “นำรถหรือยานพาหนะใดๆ มาใช้ในการประกอบกิจการ หรือดำเนินการใดๆ ในลักษณะที่ผิดกฎหมาย หรือแสวงหาผลประโยชน์จากผู้โดยสารอากาศยาน ผู้ใช้บริการท่าอากาศยาน หรือบุคคลใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ทอท. ” โดยรถของนายสมมิตร ซึ่งเข้ามาเรียกรับผู้โดยสาร เป็นการนำรถมาใช้ผิดประเภทตามกฎหมายของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่พบเห็นจึงจำเป็นต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อกำหนดของ ทอท.ให้นายสมมิตรรับทราบ พร้อมทั้งเชิญให้ออกนอกพื้นที่ท่าอากาศยาน ซึ่งถือเป็นพื้นที่ควบคุม และเนื่องจากรถที่นายสมมิตรเป็นรถส่วนบุคคลแต่นำมาใช้เรียกรับผู้โดยสาร ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย
นายกิตติพงศ์กล่าวว่า การที่ ทอท. ต้องมีข้อกำหนดในลักษณะเช่นนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท. ประสบปัญหาจากการที่มีผู้ที่เป็นไกด์ผี แท็กซี่เถื่อนเข้ามารบกวนและเรียกรับผู้โดยสาร ซึ่งได้ก่อความรำคาญและเดือดร้อนแก่ผู้โดยสารเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการเกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเพื่อให้การบริการรถสาธารณะภายในท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทอท. จึงจำเป็นต้องมีการออกข้อกำหนดดังกล่าว เพื่อให้สามารถจับกุมและลงโทษผู้กระทำความผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามหากในอนาคตรถแท็กซี่อูเบอร์ มีการจดทะเบียนได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฏหมายจากกรมการขนส่งทางบก และได้มีการขอเข้ามาประกอบธุรกิจภายในท่าอากาศยานอย่างถูกต้อง ทสภ. จึงจะสามารถอนุญาตให้รถยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายดำ)เข้ารับผู้โดยสารได้ ปัจจุบัน ทสภ.โดย ศปพ. ได้ดำเนินการกับบุคคลที่เข้ามาฝ่าฝืนข้อกำหนด ทอท.ฯ ตั้งแต่ 14 ส.ค.52 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 9,637 คน กระทำควาผิดทั้งหมด 43,782 ครั้ง ดำเนินคดีบุกรุก จำนวน 101 คดี
นายกิตติพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทสภ. ได้ให้ความสำคัญในการกำกับดูแลรถแท็กซี่สาธารณะที่เข้ามาให้บริการใน ทสภ. ให้ปฏิบัติตามกฎหมายและให้บริการผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวกและความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมา ทสภ. ได้มีนโยบายในการเข้มงวดกวดขันให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ภายใน ทสภ. เปิดมิเตอร์ในการให้บริการผู้โดยสารทุกคัน โดยได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบการให้บริการอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากพบผู้ขับขี่รถแท็กซี่คันใดไม่คิดค่าบริการตามที่กฎหมายกำหนด ทสภ.จะมีบทลงโทษโดยการสั่งระงับรหัสผู้ขับขี่ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ขับขี่ดังกล่าวไม่สามารถเข้ามาให้บริการภายใน ทสภ. เป็นการชั่วคราวหรือเป็นการถาวรได้ ซึ่งที่ผ่านมา ทสภ. ได้มีการลงโทษผู้ขับขี่รถแท็กซี่ที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีการกระทำไม่เหมาะสมทุกราย
ทั้งนี้ ทสภ. ใคร่ขอความร่วมมือผู้โดยสารที่ใช้บริการรถแท็กซี่ ณ ทสภ. โปรดเก็บสลิปบัตรการใช้บริการฯ ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อประโยชน์ในการติดตามข้อมูลสำคัญต่างๆ หากเกิดกรณีขอความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น กรณีหลงลืมสัมภาระหรือติดต่อร้องเรียนการให้บริการด้านอื่นๆ เนื่องจาก ทสภ. มีระบบการลงทะเบียนและฐานข้อมูลประวัติของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทันที อย่างไรก็ตาม หากผู้โดยสารที่ใช้บริการแท็กซี่สาธารณะที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ ทสภ. พบปัญหาและต้องการร้องเรียนการให้บริการรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนกับ ทสภ. ในด้านต่างๆ สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ประสานงานแท็กซี่ ทสภ. หมายเลขโทรศัพท์ 0 2132 0360 และ 02 132 9199 หรือ AOT Call Center โทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง
*************************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ