ระทึกสาวใหญ่วัย 33 ปี คลุ้มคลั่งอุ้มลูกสาววัยทารก ปีนระเบียงชั้น 3 ซอยรัชดาท่าพระ
วันที่ 19 พ.ย.63 เวลา 11.00 น. ร้อยตำรวจเอก ถวิล บูระทิศ รอง สวป.สน.บุคคโล พร้อม นายดาบตำรวจ สุบัน บุญนาง และ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รับแจ้งมีเหตุหญิงคลุ้มคลั่งพยายามที่จะโยนเด็กลงมาจากระเบียงชั้น 3 ของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งภายในซอยรัชดาท่าพระ จึงรีบรุดจัดกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่พร้อมอาสาสมัครไปถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นอาคารสูง 4 ชั้น แบ่งเป็นห้องให้เช่า ภายในซอยรัชดาท่าพระ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร เหตุเกิดบริเวณระเบียงห้องชั้น 3 อยู่ภายในซอยรัชดาท่าพระ จากการสังเกตุการณ์อย่างเห็นได้ชัดเจน เป็นหญิง 1 ราย อายุประมาณ 33 ปี อยู่ในอาการคลุ่มคลั่ง พูดจาโวยวายอยู่ตลอดเวลาจนจับใจความไม่ได้ว่าพูดว่าอย่างไรบ้าง แล้วสังเกตุที่มือทั้ง 2 ข้างจะอุ้มเด็กหญิงวัยทารก ในลักษณะยื่นออกมานอกระเบียงในท่าทีที่พร้อมจะปล่อยเด็กที่อยู่ภายในมือได้ทุกเมื่อ บริเวณชั้นล่างสุดมีประชาชนมุงดูกันเป็นจำนวนมากต่างร้องตะโกนให้หญิงดังกล่าวกลับเข้าไปในห้องแล้วให้ใจเย็นๆอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสร้างความลุ้นระทึกให้กับประชาชนที่มุงดูอยู่ด้านล่าง
เจ้าหน้าที่พร้อมอาสาสมัคร ใช้เวลาในการเจรจาอยู่นานแต่ไม่เป็นผล หญิงดังกล่าวยังคงพูดจาวกวน และพร่ำเพ้ออยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจขึ้นไปบนห้องที่เกิดเหตุทันทีแล้วตัดสินใจพังประตูเข้าไปภายในห้องแล้วทำการเจรจากับหญิงดังกล่าวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ก็ยังไม่ส่งผลของการตอบรับที่ดีขึ้น ยังคงโวยวายอยู่ตลอดเวลา แล้วยังทำทีว่าจะโยนเด็กลงมาจากระเบียงให้ได้ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจชาร์จ และ เข้าควบคุมตัวหญิงคนดังกล่าวทันที่ จึงช่วยเด็กหญิงเคราะห์ร้ายรายนี้จนเป็นผลสำเร็จ และ ปลอดภัย ทั้งแม่ และ ลูก จึงมอบให้อาสาสมัครนำเด็กหญิงวัย 2 เดือน ส่ง โรงพยาบาล สมเด็จพระปิ่นเกล้า เพื่อตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนผู้เป็นแม่นั้น เจ้าหน้าที่มอบให้อาสาสมัคร นำส่ง โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เพื่อตรวจเช็คอาการทางประสาท ว่าเข้าข่ายผู้ป่วยจิตเวชหรือไม่
นายดาบตำรวจ สุบัน บุญนาค สายตรวจ สน.บุคคโล บอกเล่าเหตุการณ์ว่า ” ได้รับแจ้งมีเหตุหญิงคลุ้งคลั่งจะอุ้มเด็กวัยทารก โยนลงมาจากระเบียงห้องชั้น 3 จึงรีบมาตรวจสอบ มาถึงก็พบประชาชนช่วยกันเกลี่ยกล่อม สงบและยอมลงมาจากระเบียง ก็ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร”
ส่วนทางคุณนุชราภรณ์ ( ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 42 ปี เป็นผู้อาศัยและอยู่ชั้นล่างของห้องที่เกิดเหตุ เล่าว่า “ตนพักอยู่ชั้น 2 ห้องเค้าอยู่ชั้น 3 ซึ่งห้องตรงกัน เมื่อ 2 วันก่อนเนี่ย มีเสียงดัง เราก็นึกว่าผัวเมียทะเลาะกัน ซักพักก็เงียบไป มาเมื่อวานก็ได้ยินเสียงดังอีก เสียงดังพูดเหมือนคนทรงเจ้า ก็คิดว่าต้องเป็นห้องเค้าแน่ๆ ก็มองขึ้นไป เค้าใช้ไม้เคาะระเบียงดังมาก พอมาวันนี้ประมาณ 10 โมงเกือบ 11 โมงเนี่ย ได้ยินเสียงมอไซค์ แฟนเค้าขับออกไป ก็มีเสียงเหมือนโยนของลงมา ก็คิดว่าห้องเค้าอีก เพราะกลางวันจะไม่มีใครอยู่ พอมองไปเนี่ย ก็เห็นมีของหล่นลงมา แล้วก็อุ้มเด็ก อยู่ตรงระเบียงทำท่าจะโยนด้วย เราก็กลัว ช่วยบ้านก็ช่วยกันห้าม และช่วยเด็ก ช่วยกันเกลี่ยกล่อมลงมาได้ ก็ไม่รู้ว่า เกิดจากเรื่องอะไร เมื่อก่อนก็ไม่เป็นแบบนี้นะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าทำงานอะไรกัน เพราะต่างคนต่างอยู่ห้องใครห้องมัน เห็นแต่แฟนเค้ามาเหมือนซ่อมดูรถมอไซค์อยู่ด้านล่างเท่านั้น ”
ทางด้านสามีของหญิงดังกล่าว บอกเล่าว่า ” ตนเป็นสามีทำงานเป็น รปภ. ออกกะมาเมื่อเช้า หลับพักผ่อนไปซักพักนึง พอก่อนเกิดเหตุ เค้าก็ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวตามปกติ นี่แหละ พอลูกตื่นร้อง ก็เอานมให้ลูกกิน ผมก็ตื่นมา ยังไม่มีข้าวกิน ผมก็ลงไปซื้อกับข้าวจะมากินกัน พอกลับเข้ามาก็เจอเหตุการณ์แบบนี้เลย เมื่อก่อนเค้าก็ไม่เป็นแบบนี้นะ อยู่กินกันมา 4 ปีแล้ว เมื่อก่อนเค้าทำงานเป็นฝ่ายธุรการที่โรงพยาบาลจุฬา แล้วก็มาลาพักคลอด ก็ไม่ได้ทำงาน ก็อาจจะมีอาการเครียดคิดมาก มีทะเลาะกันบ้างตามภาษาผัวเมีย แต่ก็ไม่ได้รุนแรง เค้าก็ไม่ได้เป็นโรคอะไรนะ และผมก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ยังไง”
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาทางคดีความกับผู้ใด ต้องรอผลการตรวจอาการของผู้ก่อเหตุก่อนว่าเข้าข่ายผู้ป่วยทางจิตหรือไม่ ส่วนผู้เป็นสามีของผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่เชิญตัวไปสอบถามเพิ่มเติมที่ สน. อย่างละเอียดอีกครั้งถึงสาเหตุของการเกิดเหตุครั้งนี้ต่อไป
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.