สระแก้ว – สองแม่ลูกตาบอดขอความช่วยเหลือ หลังจากใช้ชีวิตแบบลำบาก เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 หลังจากมีการแชร์สนั่นบนโลกโซเชียลถึง 2 แม่ลูกที่ลำบากตาบอด ต้องอยู่ลำพัง ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ โรงเรียนบ้านหนองหัวช้าง เพื่อไปพบกับคุณครูโจ้ ซึ่งเป็นผู้โพสต์ Facebookในนาม kannapak kedchom ขอรับบริจาคและขอความช่วยเหลือ แต่วันนี้คุณครูโจ้ ไม่อยู่เพราะได้พาเด็กๆ ไปทัศนศึกษาที่ จังหวัดจันทบุรี แล้วครูโจ้ยังได้ประสานให้ติดต่อกับคุณ จันทิภา อ้อมนอก ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน และอาศัยอยู่ระแวกเดียวกัน หลังจากนั้น คุณจันทิภา จึงได้พาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของ แม่และเด็กที่ตาบอด ซึ่งลักษณะตัวบ้านเป็นบ้านชั้นเดียวใช้แผ่นยิปซั่ม เป็นฝาบ้าน ลักษณะเป็นห้องเพียงห้องเดียว ซึ่งมองจากสภาพบ้านแล้วไม่สามารถ ที่จะกันลมกันฝนได้ถ้าเกิดลมและฝนตกแรงๆ ก็คงเปียกปอน ไปทั้งบ้าน เลยทีเดียว ลักษณะบริเวณบ้านมีแต่ ตัวบ้านไม่มีห้องน้ำไม่มีครัวเป็นสัดส่วน ผู้สื่อข่าวได้พบกับคุณนภากร นามนตรี อายุ 29 ปีซึ่งอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 4 ตำบลช่องกุ่ม อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว คุณนภาพร เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าตนเองได้อาศัย อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวร่วมกันทั้งหมด 4 คนมีลูก 2 คน ซึ่งตอนนั้น ตนเองเป็นเบาหวานเมื่อปี 65 ตนเองเคยได้รักษามา แต่ไม่ได้รับการรักษาแบบต่อเนี่อง เพราะเมื่อตัวเองกินยาแล้วรู้สึกง่วงและเพลีย จึงได้หยุด กินยา จนทำให้อาการ กำเริบและบานปลาย ไม่สามารถที่จะรักษาได้ จึงทำให้เกิดอาการของ เบาหวานขึ้นตาและลามมาทำให้ตาบอด ทั้ง 2 ข้าง แล้วตอนนั้นตัวเอง ก็กำลังท้องลูก คนเล็ก จึงทำให้เกิดผล กระทบต่อลูกไปด้วย ก็คือตอนนี้ลูกเป็นต้อกระจกใน ดวงตา และไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ชัด มองได้แค่มองตามแสง ลางๆ เท่านั้น ส่วนตนเองเคยไปรักษาตา ที่สภากาชาดไทยอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว แต่หมอวินิจฉัยแล้ว ตาของตนเองไม่สามารถ ที่จะกลับมามองเห็นได้ ก็คือบอดสนิท ช่วงแรกๆตนเองก็ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก สุดแสนทรมานอยากฆ่าตัวตายเหมือนกัน เพราะตนเองยังมีลูกน้อยอีก 1 คน ที่ต้องเลี้ยงดู แต่พอหลังๆมาตนเองก็เริ่มชิน แต่ก็คงไม่เหมือน กับคนปกติ ที่สามารถจะมองเห็น และเลี้ยงลูกได้ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้เห็นหน้าลูกเลย แม้แต่ครั้งเดียว ทีแรกก็นึกน้อยใจและเสียใจในชีวิตและโชคชะตา ทุกวันนี้ก็อาศัยความเคยชิน จับๆคำๆ ก็มีชนสิ่งของ บ้างล้มบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็สู้ ตอนนี้ก็มีเพียงสามี เท่านั้น ที่เป็นเสาหลักให้กับครอบครัว ซึ่งตนเองก็สงสารสามี เพราะตนเองไม่สามารถ ที่จะช่วยอะไรได้เลย แต่ก็พยายาม ที่จะช่วยเล็กๆน้อยๆ อย่างซักผ้า กวาดบ้าน หุงข้าว ดูแลลูก ส่วนเรื่องทำกับข้าวนี่ ก็คงทำไม่ได้เลย จริงๆ ตอนนี้เรื่องที่อยากให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ ก็คืออยากให้ลูกชายคือ เด็กชายอัศวิน กุลวิมล อายุ 2 ปี ที่ป่วยด้วยโรคต้อกระจก ซึ่งตอนนี้น้องไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ ตามปกติ เนื่องจากหมอแจ้งว่าน้ำในลูกตา มีมากเกินไปต้องเจาะออก แม่เคยพาน้องไปตรวจรักษา ที่สภากาชาดไทยอรัญ แต่ทางสภากาชาดไทยแนะนำให้แม่ พาน้องไปที่โรงพยาบาลศิริราช ที่กรุงเทพฯ
ซึ่งทางสภากาชาดไทย เคยช่วยค่าเดินทาง แม่มาแล้วจำนวน5,000บาท แต่ก็ยังไม่พอ ที่จะสามารถ พาน้องไปรักษาได้เนื่องจาก ค่าใช้จ่ายค่อนข้างที่สูง และตนเองก็ลำบากในการเดินทาง เพราะไม่มีรถ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และก็ยังหวังว่าลูกของตน จะได้กลับมามองเห็นและได้เรียนหนังสือ เหมือนเด็กปกติ หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวจึงได้เดิน สำรวจบริเวณรอบๆบ้านพบว่าบ้านไม่มีห้องน้ำ ทราบว่าเวลาแม่เข้าห้องน้ำจะต้องเดินไปเข้าที่บ้านญาติ ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 20 เมตร ซึ่งก็ค่อนข้างที่จะลำบากสำหลับคนที่ตาบอด ถ้าปวดหนักกลางคืน ก็ต้องปลุกสามีเพื่อให้พาเข้าห้องน้ำ และยังได้สอบถามเรื่องการเป็นอยู่ คุณนภากร บอกว่าตอนนี้ก็ได้แค่เบี้ยยังชีพ ของคนพิการและก็เงินสงเคราะห์บุตร เพราะรายได้หลักๆก็จะมาจากสามี เพราะว่าสามีทำงานได้เพียงคนเดียว แต่ค่าใช้จ่ายในบ้าน ก็มากกว่ารายรับที่ได้เพราะช่วงนี้ลูกยังเล็กต้องกินนมและใช้แพมเพิส ตอนนี้ตนเองรู้สึกเป็นภาระของสามีมากๆ ” ตอนนี้ก็ยังโชคดีที่มีคุณครู โจ้ อยู่ที่โรงเรียน บ้านหนองหัวช้าง เนื่องจากคุณครูเป็นครูที่ปรึกษาของลูกชาย อีกคนซึ่งเรียนอยู่ ชั้นป 3 คือเด็กชายภูวรินทร์ พึ่งกระบือ หลังจากคุณครูได้ลงเยี่ยมบ้านเด็กนักเรียน ก็ได้เห็นสภาพบ้านและความเป็นอยู่ จึงเกิดความสงสารจึงได้นำเรื่องราวไปโพสต์ลง Facebook ส่วนตัวเล่าถึงอาการและความเป็นอยู่ของแม่และน้อง หลังจากนั้นก็มีผู้ใหญ่ใจดียื่นมือเข้ามาช่วยคนละเล็กคนละน้อย คุณครูโจ้ก็จะคอยซื้อ เครื่องอุปโภคบริโภคของใช้ภายในครัวเรือน เช่นแพมเพิสไข่ไก่น้ำปลา และปลา กระป๋อง มาม่า เข้ามาให้อยู่ตลอด ” ครูโจ้ยังได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวอีกว่าเงินที่ได้รับบริจาค มา จากผู้ใหญ่ใจดี ครูโจ้จะเตรียมนำมามอบให้แม่และน้องในวันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567 มอบให้กับครอบครัวของแม่และน้องอัด เพื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานครต่อไป. ซึ่งวันนี้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ก็ตรงกับวันเกิด ของน้อง อัศวิน ซึ่งอายุครบ 2 ขวบ พอดี ” แม่จึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ ผู้ใจดีช่วยพาน้องไปรักษาดวงตา ให้หายได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ เหมือนเด็กคนอื่นๆด้วยค่ะ จะได้ใช้ชีวิต และเรียนหนังสือเหมือนคนอื่นๆ…นายยุทธนา พึ่งน้อยผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว 094-478-0777