การสำรวจราคาผักค้าส่งในพื้นที่ อุบลราชธานี พบการปรับราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว และแทบทุกชนิดของผักมีการปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผักที่ใช้ผู้ประกอบการร้านตำส้มตำรสแซบทั่วทุกพื้นที่ต้องเจอผลกระทบหนัก เมื่อผล มะละกอ มะนาว และ พริกสด เฉลี่ยราคาขายถุงละ 500 – 1.000 บาทต่อกิโลกรัม
ที่ จ อุบลราชธานี ผู้สื่อข่าวลงสำรวจราคาพืช ผัก จุดค้าส่งพืชผักแห่งใหญ่ภายในตลาดสดเทศบาลเมืองวารินชำราบ และ ตลาดเจริญศรี อำเภอวารินชำราบ ซึ่งถือเป็นจุดกระจายสินค้าประเภทผักต่างๆ ของ จังหวัดอุบลราชธานี โดยจากการสำรวจพบว่าพืชผักทุกชนิดปรับราคาขึ้นจริง โดยเฉพาะราคาของพริกสดมีการปรับราคาสูงมาก เฉลี่ยอยู่ที่ 500 – 600 บาท ต่อถุงๆ ละ 10 กิโลกรัม ส่วนผลมะละกอ เฉลี่ยถุงละ 170 บาท ต่อ ถุง ๆ ละ 10 กิโลกรัม ซึ่งในถุงจะเฉลี่ยลูกมะละกอ ประมาณ 10 – 12 ลูก และ ที่แพง สุดคือ มะนาว ช่วงนี้มะนาวเบอร์ 300 แม่ค้าพ่อค้าส่งเปิดขายในราคาถุงละ 1.000 – 1.200 บาท เฉลี่ยถุงละประมาณ 15-20 กิโลกรัม ทั้งนี้แล้วแต่เบอร์ขนาดของลุกมะนาว และ ยังมีราคาหอมสดที่ปรับจากเดิมถุงละ 70 บาท ปรับเพิ่มเป็นถุงละ 500 บาท ต่อ ถุงๆ ละ 5 กิดลกรัม
ด้านนางอ่อน ศรีสายแวว แม่ค้าส่งพืชผักเปิดเผยว่า ระยะนี้ยอมรับว่า ผักแต่ละชนิดปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผักที่ใช้ประกอบอาหารตามร้านส้มตำ ต้องรับซื้อสินค้าไปแปรรูปจำหน่ายในราคาที่แพงแบบฉีกราคาเกินคาด ซึ่งสาเหตุของการปรับราคาผักในครั้งนี้ตนเองก็ไม่แน่ชัด หลายคนอ้างว่า ผลพวงจากภัยแล้ง ผลผลิตออกไม่ทัน และบางรายที่นำมาส่งก็อ้างว่า สินค้าในประเทศไทยขาดตลาด ต้องนำเข้าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศลาว ประเทศจีน และ ประเทศเวียดนาม ซึ่งมีการนำเข้ามาผ่านแดนในราคาสูง ร่วมทั้งเกษตรกรต้องปรับราคาสูง เพราะค่าปุ๋ย ค่าแรง มีการปรับสูงขึ้น
ขณะราคาผักชนิดอื่นๆ เช่น ผักบุ้ง กะหล่ำปลี มะเขือเทศ มะเขือขาว เป็นต้น ปรับราคาสูงขึ้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10-15 บาท โดยคาดว่าใช้เวลาอีกไม่นาน ซึ่งเข้าสู่ฤดูฝนราคาผักคงจะกลับเข้าที่ปกติ เพราะผู้ค้าส่งคงไม่มีข้ออ้างขอปรับขึ้นราคา ยกเว้นว่าจะเข้าสู่ช่วงเกิดภัยน้ำท่วมในระยะต่อไปเท่านั้น