ข่าวทั่วไป

สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ็บ 71 ราย เสียชีวิต 1 ราย

สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ็บ 71 ราย เสียชีวิต 1 ราย
สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเนื่องจากมีผู้โดยสารบาดเจ็บหลายราย และมีเสียชีวิต จากเครื่องบินตกหลุมอากาศ ขณะเดียวกัน นาย ชี ฮง ทาต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสิงคโปร์โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้าน นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงสรุปเหตุการณ์เบื้องต้นให้กับทางผู้สื่อข่าวได้รับทราบข้อมูล และทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ สรุปยอดคนเจ็บ ทั้งหมด 71 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตมี 1 ราย มอบให้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิดำเนินการส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวชต่อไป
เมื่อเวลา 15.35 น. วันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับแจ้ง จากหอบังคับการบินว่า สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เครื่องโบอิ้ง 777-300ER เที่ยวบิน SQ321 เส้นทางจากท่าอากาศยานฮีทโธรว์ ปลายทาง ท่าอากาศยานชางงี ประเทศสิงค์โปร์ เส้นทางบินลอนดอนสิงคโปร์ ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เนื่องจากเหตุเครื่องบินตกหลุมอากาศ มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ หลายราย ต่อมาเวลา 15.51 น.เครื่องบินดังกล่าว ได้ลงจอดที่ ทสภ. เนื่องจากเครื่องตกหลุมอากาศ เครื่องลงจอดที่ 19R เข้าจอดที่หลุม 306 ซึ่ง ทสภ.ได้ส่งทีมแพทย์เข้าพื้นที่โดยทันทีเพื่อประเมินอาการและให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมนี้ ทสภ. ได้ประกาศเข้าแผนฉุกเฉินกรณีเหตุฉุกเฉินในเที่ยวบิน และอยู่ระหว่างนำส่งผู้ได้รับบาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาต่อไป สำหรับผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหรือไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ ทสภ.จัดพื้นที่พักรอให้ผู้โดยสารภายในอาคารเทียบเครื่องบิน โดยมีเจ้าหน้าที่ ทสภ. ร่วมกับสายการบินดูแลและอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร เพื่อรอเดินทางไปยังสิงคโปร์ต่อไป


ทั้งนี้ เที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสารจำนวน 211 คน และลูกเรือจำนวน 18 คน เบื้องต้นรับทราบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติจำนวน 1 คน ทราบชื่อ MR.GEOFFREY RALPH KITCHEN อายุ 73 ปี สัญชาติอังกฤษ และมีผู้โดยสาร จำนวนผู้บาดเจ็บอีกหลายราย
ขณะเดียวกัน นาย ชี ฮง ทาต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสิงคโปร์โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า “ฉันรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ได้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินของสิงคโปร์แอร์ไลน์เที่ยวบิน SQ321 จากลอนดอนฮีทโธรว์ไปยังสิงคโปร์ เครื่องบินประสบสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงระหว่างทางจึงต้องเปลี่ยนเส้นทางกลับกรุงเทพฯ สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ยืนยันว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 1 รายบนเครื่อง กระทรวงคมนาคม สิงคโปร์ กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ สำนักงานการบินพลเรือนของสิงคโปร์ เจ้าหน้าที่สนามบินชางงี ตลอดจนเจ้าหน้าที่ SIA ให้การสนับสนุนผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบและครอบครัวของพวกเขา ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต”
ต่อมา เมื่อ เวลา 19.45 น. นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงกรณีเที่ยวบิน SQ321 ของสิงคโปร์แอร์ไลน์ส เส้นทางลอนดอน-สิงคโปร์ ทำการบินด้วยโบอิ้ง 777-300ER ซึ่งเดินทางจากสนามบิน ลอนดอนปลายทางสนามบิน ชางงี ประเทศสิงค์โปร์ มีผู้โดยสารทั้งหมด 211 คน และลูกเรือ 18 คนบนเครื่อง ตกหลุมอากาศ หลังพบสภาพอากาศปั่นป่วนรุนแรงระหว่างเส้นทาง และได้ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
สรุปเหตุการณ์เบื้องต้นเกิดจากการตกหลุมอากาศ แต่ในส่วนตกที่จุดใดยังไม่สามารถระบุได้ ว่าอยู่ในอาณาเขตน่านฟ้าของประเทศไทยหรือไม่ เนื่องจาก ตนได้พูดคุยเบื้องต้นกับกัปตันเท่านั้น ยังไม่ได้คุยรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม
โดยขณะที่เกิดเหตุเครื่องบินตกหลุมอากาศ ผู้โดยสาร 211 คนกำลังรับประทานอาหารเช้าบนเครื่อง ซึ่งขณะนั้นก็เกิดการตกหลุมอากาศ ยืนยันว่าผู้โดยสารทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัยบนเครื่อง แต่ในส่วนผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นชาวอังกฤษ คาดเข็มขัดนิรภัยเช่นกันแต่ผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ ทำให้เสียชีวิตขณะอยู่บนเครื่องบินหลังเกิดเหตุ ก็ต้องมีการส่งศพชันสูตรพริกศพเพิ่มเติมและสอบสวนถึงข้อเท็จจริงอีกครั้ง
ทางเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานและอาสาสมัครกู้ภัยได้ร่วมช่วยเหลือผู้โดยสารทั้งหมดออกมาจากเครื่องโดยภารกิจเสร็จสิ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 19:30 น. โดยทั้งลำมีผู้โดยสารทั้งหมด 211 คน โดยมีผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 73 ปีสัญชาติอังกฤษ เบื้องต้นภรรยาผู้เสียชีวิตได้ตามไปที่โรงพยาบาลแล้ว และมีผู้บาดเจ็บรวมทั้งหมด 69 คน ไม่สามารถระบุสัญชาติได้เนื่องจากมีหลายสัญชาติ
แบ่งการบาดเจ็บเป็นหลายระดับ เป็นผู้ป่วยวิกฤติ 7 ราย ผู้ป่วยบาดเจ็บปานกลาง 23 ราย + ลูกเรือ บาดเจ็บปานกลาง 9 ราย และผู้ป่วยบาดเจ็บเล็กน้อย 30 คน นำส่งโรงพยาบาล 16 ราย รวมถึงภรรยาของผู้เสียชีวิตด้วย และรักษาที่ holding area 14 ราย ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่มีอาการหัวแตก ปวดแขน ปวดกล้ามเนื้อ


ในส่วนการเยียวยาเรื่องอุบัติเหตุจะต้องเป็นความรับผิดชอบของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เบื้องต้นทางสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลผู้บาดเจ็บทั้งหมดที่กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยจะมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดต่อไปยังสถานทูตดำเนินเรื่องต่างๆ
รวมทั้งผู้โดยสารคนอื่นประมาณ 100 กว่ารายที่สามารถเดินทางต่อได้ ขณะนี้มีการพักที่ห้องโถงอาคารผู้โดยสารวีไอพี โดยมีทางเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและเจ้าหน้าที่จากสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ดูแลอย่างใกล้ชิด ทุกคนมีอาการปกติและสุขภาพจิตยังดีอยู่ / โดยผู้โดยสารคนอื่นประมาณ 100 กว่ารายที่สามารถเดินทางต่อได้ ทางสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ได้นำเครื่องบินจากสิงคโปร์จะมารับผู้โดยสารประมาณ 100 กว่ารายที่รออยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเครื่องบินจะมารับช่วง 21:45 น. ของวันนี้ เพื่อพาเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ และในวันพรุ่งนี้ ทีมสอบสวนท่าอากาศยาน จะมีการสอบสวนนักบินเพื่อถามถึงอุบัติการณ์ครั้งนี้
ล่าสุด เมื่อ เวลา 22.00 น. ที่ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ได้นำเอกสารมามอบให้แก่สื่อมวลชน เรื่อง การเกิดอุบัติภัยหมู่เครื่องบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ตกหลุมอากาศ โดยมีใจความว่า ก่อนอื่นทางโรงพยาบาลสมิติเวช ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เที่ยวบินของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SQ 321 ซึ่งเดินทางมาจากลอนดอน (สนามบินฮีทโธรว์) มุ่งหน้าไปยังประเทศสิงคโปร์ เผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงระหว่างเส้นทาง เครื่องบินลำดังกล่าวจึงเปลี่ยนเส้นทางไปกรุงเทพฯ วันที่ 21 พฤษภาคม 2567 มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ทั้งหมด 71 ราย โดยได้รับการดูแลจากทีมแพทย์สหสาขาของทางโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด โดยแบ่งเป็น 1.ผู้ป่วยบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 26 ราย ส่งต่อโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท 4 ราย / 2.ผู้ป่วยบาดเจ็บอาการปานกลางจำนวน 39 ราย ส่งต่อโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท 4 ราย ส่งต่อโรงพยาบาลกรุงเทพ 2 ราย / 3.ผู้ป่วยบาดเจ็บอาการรุนแรงจำนวน 6 ราย / 4.ไม่มีผู้เสียชีวิตที่ส่งตัวมาและไม่มีผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล
สำหรับสัญชาติของผู้บาดเจ็บในเบื้องต้นที่ตรวจสอบได้ ได้แก่ มาเลเซีย 3 ราย สหราชอาณาจักร 3 ราย นิวซีแลนด์ 2 ราย อังกฤษ 1 ราย สเปน 1 ราย สหรัฐอเมริกา 2 ราย และไอร์แลนด์ 1 ราย
********************************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ