วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 เวลา21.00น. ร.ต.อ .ธนันท์ชัย โพธิ์อามาตย์ รองสารวัตรสืบสวน สภ.โพนทองได้รับแจ้งเหตุยิงกันที่บ้านสนามเป้า ต.โนนชัยศรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกับกู้ชีพเทศบาลตำบลโนนชัยศรี
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเลขที่ 137 ม.18 บ้านสนามเป้า ต.โนนชัยศรี อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ในที่เกิดเหตุพบวันรุ่นชายถูกยิงเข้าบริเวณขาซ้าย กระสุนทะลุ กู้ชีพได้ทำการปฐมพยาบาลก่อนนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลโพนทอง ทราบชื่อคือ นาย วันเฉลิม ตรีเมฆ อายุ22ปี จากการตรวจสอบพบล่องลอยของกระสุนที่ประตูบ้าน
จากการสอบถาม นาง จิดาภา เจียรติ้ว ชื่อเล่น กิ๊ป (อดีตแฟนผู้ก่อเหตุ) เล่าให้ฟังว่า ตอนเกิดเหตุตนและกลุ่มเพื่อนๆ4,5คน
กําลังนั่งทานข้าวอยู่ในบ้าน จากนั้นคนก่อเหตุได้ขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน จากนั้นได้ตระโกนเรียก1ครั้ง จากนั้นก็ยิงปืนเข้ามาในบ้าน1นัด ตอนแรกตนคิดว่าไม่มีใครโดน แต่พอมองไปเห็นน้องในกลุ่มโดนยิงเข้าบริเวณขา ก่อนหน้านี้ผู้ก่อเหตุเคยขับรถมาวนอยู่แถวหน้าบ้านบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยเข้ามาทำร้ายและก่อเหตุแบบนี้เลย ตอนนี้ตนอยากจะฝากถึงอดีตแฟนให้มามอบตัวและยอมรับในสิ่งที่ตัวเองก่อ
จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ (เบลอหน้าให้ด้วย)เล่าให้ฟังว่า ตอนเกินเหตุเห็นผู้ชายขับรถมาจอดและได้ร้องเรียกคนในบ้านจากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น จากนั้นก็ขับรถออกไป ตอนนั้นตนเห็นคนก่อเหตุ มีปืนมาด้วย1กระบอก เป็นปืนยาว ใช้ผ้าขาม้าพันเอาไว้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นปืนชนิดใด๋
จากนั้นทางตำรวจและชุดสืบสวนได้ข้อมูลคนก่อเหตุจนทราบแล้วว่าคนก่อเหตุคือใคร จึงเดินทางไปยังบ้านผู้ก่อเหตุ คือนาย ปิยะบุตร บุตรพรม ชื่อเล่น แทน อายุ26ปี (อดีตแฟน) พบเพียงพ่อกับแม่และพี่ชายผู้ก่อเหตุ ทางตำรวจจึงบอกกับทางครอบครัวผู้ก่อเหตุถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทางตำรวจได้ถามหา นายแทน แม่ของ นายบอกว่าไม่อยู่บ้านไม่รู้ไปไหน
แม่ของนายแทนเล่าให้ฟังว่า นายแทนมาเล่าให้ฟังตอนกินข้าวอยู่ว่ามีเรื่องกับกลุ่มเพื่อนของอดีตแฟน และนายแทนจะมาเอาปืนของพ่อไป แต่แม่ไม่ให้เอาไป จากนั้นนายแทนก็ขับรถออกจากบ้านไป ไม่รู้ไปไหน
จากนั้นทางตำรวจเลยให้พ่อของนายแทนโทรหาลูก บอกให้กลับบ้าน ตำรวจมารอที่บ้านแล้ว เป็นลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ ผ่านไปประมาณ10นาที นายแทนก็ขับรถกลับมาบ้าน ตำรวจได้ให้นายแทนพาไปชี้จุดซ่อนปืน จากการตรวจสอบพบอาวุธปืนลูกซอง1กระบอก ปืนแก๊ปไทยประดิษฐ์2กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีก4นัด จากนั้นได้นำตัวนายแทนไปสอบปากคำเพิ่มเต็มที่ สภ. ก่อนจะมีการแจ้งข้อหาต่อไป
ภาพ/ข่าว::พงษ์พัฒน์ นามสอน/ร้อยเอ็ด