ข่าวทั่วไป

รวบไอ้ช้างมือปืนยิงสาวใหญ่กลางตลาดนัด หลังหนีเช่าห้องกบดานที่สระบุรี

รวบไอ้ช้างมือปืนยิงสาวใหญ่กลางตลาดนัด หลังหนีเช่าห้องกบดานที่สระบุรี
ภาพจากกล้องหน้าอกของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.สำโรงใต้ ร่วมกับ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค1 กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ หรือเจ้าหน้าที่ ชุด ฉลามขาว นำกำลังพร้อมโล่กันกระสุน และอาวุธครบมือ ปิดล้อมห้องเช่าแห่งหนึ่งในอำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี หลังสืบทราบว่า นายสายพินธิ์(หรือช้าง) แก้ววงษา อายุ 52 ปี ผู้ก่อเหตุยิง นางสาวกำไลทอง เสียชีวิต และ มีผู้บาดเจ็บถูกลูกหลงอีก 2 คน เหตุเกิดภายในตลาดนัดเลียบทางด่วนบางหญ้าแพรก และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ หนีมาเปิดห้องเช่าแห่งนี้เพื่อกบดาน โดยตำรวจนำกำลังปิดล้อมก่อนจะตะโกนเรียกให้บุคคลที่อยู่ด้านในออกมา แต่ไม่มีใครเปิดประตู เจ้าหน้าที่จึงใช้กุญแจสำรองไขเปิดประตูบุกเข้าไป แต่ปรากฏว่านายช้าง ไหวตัววิ่งหนีออกประตูด้านหลังห้องเช่า แต่สุดท้ายไม่รอดถูกตามรวบตัวได้ริมถนนไม่ไกลจากห้องพัก จากนั้นจึงนำตัวกลับมาค้นเก็บหลักฐานที่ห้องพักก่อนจะนำตัวกลับมาที่ สภ.สำโรงใต้


ล่าสุดเมื่อช่วง 18.30 น. ตำรวจนำตัว นายสายพินธิ์ ได้เดินทางถึง สภ.สำโรงใต้ โดยมีกำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือดูแลความสงบและความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ก่อนจะคุมตัวสอบปากคำภายในห้องสืบสวน และพาไปชี้จุดที่ซ่อนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งถูกซ้อนอยู่ใต้ท้องรถ ภายในลานจอดรถลานจอดข้างศาลปู่เจ้าสมิงพราย ในสถานราชประชาสมาสัย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องพักของผู้ก่อเหตุเท่าไร พอเจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่าเป็นเสื้อและกางเกงห่อ ปืนแบลงกันขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 2 นัด และปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก จึงทำการเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย


นายสายพินธ์ แก้ววงษา อายุ 52 ปี หรือช้าง ผู้ก่อเหตุ ให้การว่า ผู้เสียชีวิตเขามาด่าตนเองก่อน ตนเองก็ไม่ได้รู้จักกับทางฝ่ายสามีภรรยาที่เป็นคู่กรณี แต่นั่งกินยาดองอยู่โต๊ะข้างๆกัน ตอนนั้นที่อยู่มีด้วยกัน 3 โต๊ะ อีกโต๊ะเป็นกลุ่มแต่เขาลุกไปแล้ว ตนเองนั่งดื่มอยู่คนเดียว ตนเองก็ไม่ทราบว่าที่ฝั่งคู่กรณีโมโหโต๊ะนั้นที่เสียงดัง แล้วมาลงที่ตนเองหรือเปล่า เขาไม่คุยอะไรกันไม่รู้ ตนเองนั่งเฉยๆไม่ได้อะไรกับใคร นายบัญชาจึงโดนมาที่โต๊ะของตนแล้วพูดใส่ว่า กูชักจะหมั่นไส้แล้วนะ เดี๋ยวจะงัดแม่ง ตนเองก็หันไปมองสักพัก ตรงนั้นก็ไม่มีใครแล้วนอกจากตนเคนเดียว ตนก็เลยคิดว่าเขาคงว่าเรา ตนก็เลยถามกลับว่า จะงัดใคร จะเอายังไง ซึ่งจังหวะตอนนั้นตนเองก็ควักปืนออกมาแล้ว ที่เอาปืนไปจ่อในตอนแรก เพราะแค่จะขู่เฉยๆ แล้วสักพักตนก็กลับ และแยกย้ายกันไป ตนเองขี่รถอกไปแปเดียว แล้วย้อนกลับมาใหม่ เพราะข้องใจว่ามาด่าทำไม มาถามจะเอาเรื่องอะไร กะว่าจะมาหานายบัญชา แต่นายบัญชาไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เจอเพียงฝ่ายภรรยาคือน.ส.กำไลทอง ซึ่งนั่งอยู่กับเพื่อนอีกคน น.ส.กำไลทอง ก็วิ่งเข้ามาหาตนและพยายามจะมาตบ จังหวะนั้นตนเองถือปืนอยู่ ก็บอกอย่าๆเข้ามา ตนไม่อยากทำผู้หญิง แล้วก็ด่าตนไม่หยุด จึงบันดาลโทสะใช้อาวุธปืนลูกซองเบอร์ 12 ยิงน.ส.กำไลทอง ไป 1 นัด หลังจากนั้นตนเองก็ขี่รถหลบหนีไปที่บ้าน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุ เอารถไปจอดทิ้งไว้ กุญแจก็ห้อยไว้ตรงนั้น อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุก็ทิ้งไว้ที่รถ และจากนั้นได้ออกไปโบอกแท๊กซี่ขึ้นรถไปหาลูกไปบอกลาลูก หลังจากนั้นได้โทรไปสารภาพกับแม่ว่า ตนพลาดไปแล้ว และตั้งใจหลบหนีตั้งแต่วันแรก ส่วนการหลบหนี ตนไปอยู่ที่บ้านน้องคนนึง แล้วให้เขาเรียกแท๊กซี่ให้ ไปลงที่หมอชิต แล้วก็นั่งรถต่อไปจนถึง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี แล้วก็มีน้องออกมารับให้ไปนอนด้วย ตนเองเสียใจที่ทำแบบนี้ลงไป และไม่ได้ตั้งใจ คือเขาไม่ยอมหยุดที่จะวิ่งเข้ามาหา จังหวะที่ตนก็กำลังดื่มเหล้ามาด้วยก็เริ่มเมาแล้ว ตนจึงโมโหและก่อเหตุลงไป ขอฝากขอโทษครอบครัว ตนไม่ได้อยากทำร้ายผู้หญิง แต่ตอนนั้นมันสุดจริงๆ ยืนยันว่าตนไม่ได้ไปหาเรื่องเขาก่อน มีแต่เขามาหาเรื่องตนก่อนทั้งสองคนเลย ตนไม่ได้พูดอะไร หากไม่เชื่อไปถามคนแถวนั้นได้
***********************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ