ข่าวต่อ แปรงสีฟันเข้าคอ
จากกรณีที่มีชายวัย56 ปี ท่านหนึ่ง ที่กำลังแปรงฟันแล้วเกิดอาการคล้ายจะอาเจียน จึงทำให้เจ้าตัวใช้แปรงสีฟันที่กำลังแปรงในช่องปากพยามล้วงคอตนเองเพื่อให้อาเจียน แต่เกิดพลาดแปรงด้ามดังกล่าวเกิดหลุดเข้าไปในลำคอ ทีนี้เจ้าตัวเองพยามใช้แปรงสีฟันอีกด้าม ล้วงเกี่ยวแปรงขึ้นมาแต่ก็ไม่สำเร็จแถมยังเป็นการดันแปรงสีฟันอันเก่าที่ติดในลำคอดันลงลึกเข้าอีก จนต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยมาช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลบางพลี เป็นการด่วน เพื่อให้แพทย์ช่วยเอาแปรงสีฟันด้ามดังกล่าวออกจากช่องคอ
ล่าสุด เราส่งนักข่าวเราไปติดตามเรื่องนี้รวมถึงอาการของผู้บาดเจ็บรายนี้ กับทางคุณหมอที่รักษาและคุณหมอศัลยกรรมในช่องปาก ของโรงพยาบาลบางพลี
แพทย์หญิง รัชวรรณ เจิดเสริมอนันต์ แพทย์ชำนาญการ แพทย์เวรศาสตร์ฉุกเฉินโรงพยาบาลบางพลี ซึ่งเป็นแพทย์เวรที่ช่วยเหลือชายคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ในช่วงเกิดเหตุคนไข้ถูกนำส่งโดยกู้ชีพ มาถึงที่รพ.บางพลี คนไข้ก็ได้รับการดูแลอย่างทันถ่วงที เบื้องต้นมาถึงคนไข้สามารถพูดคุยได้ หายใจได้ปกติ ออกซิเจนในเลือดปกติ มีการประเมินเบื้องต้นว่าคนไข้ มีสิ่งอุดกั้นในคอ แต่ว่าคนไข้ยังสามารถพูดคุยได้อยู่ และเราดูว่าวิ่งอุดกั้นอยู่บริเวณไหน เราสามารถเอาอกได้เลยไหม โดยการทำการเปิดช่องปากของคนไข้ดูว่ามันมีสิ่งอุดกั้นหรือไม่ หากไม่เห็นก็ต้องใช้เครื่องมือในการช่วยส่องเข้าไป ก็พบกับตัวด้ามของแปรงสีฟัน เราก็ใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือคีบวัตถุนั้นออกมา โดยทางแพทย์เฉพาะทางคุณหมอศัลยกรรมก็มาช่วยดูแลคนไข้ให้ ซึ่งคนไข้ท่านนี้ ตอนที่พบแปรงสีฟันอยู่ค่อนข้างลึก อาการคนไข้ล่าสุดคือค่อนข้างปกติแล้ว ไม่มีเสียงแหบ สามารถพุดคุยได้ ประเมินดูเบื้องต้น ไม่มีเนื้อเยื่อบวม คุณหมอจึงอนุญาตให้คนไข้กลับบ้านได้ และนัดมาดูอาการในเช้านี้ แต่หากคนไข้มีอาการเปลี่ยนแปลงหรือรู้สึกบาดเจ็บตรงไหนอีก ให้รีบมาพบคุณหมอทันที ซึ่งเช้านี้คนไข้ก็มาพบคุณหมอแล้ว ก็พบว่ามีอาการปกติ
ขณะที่ นายแพทย์ ธนิศร ตั้งประยูรเลิศ แพทย์ชำนาญการด้านศัลยกรรมโรงพยาบาลบางพลี ให้ข้อมูลที่หน้าสนใจว่า โอกาสวัตถุแปลกปลอม ที่เราเจอบ่อยๆ สำหรับการที่เข้ารับการศึกษากับหมอเฉพาะทาง โอกาสเจอไม่ค่อยเยอะ โดยเฉลี่ยประมาณ 20% แต่ว่าในผู้ป่วยรายนี้ วัตถุแปลกปลอมที่มันหลุดเข้าไป คือแปรงสีฟันที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และยาว ก็มีโอกาสติดได้ตั้งแต่ติดอยู่บริเวณช่วงลำคอ หลอดอาหาร หรือแม้กระทั่งลงไปในกระเพาะได้ โดยผู้ป่วยรานี้เมื่อมาถึง ผมได้รับการประสานให้มาช่วยประเมินว่า สามารถเอาออกได้ไหม ในเบื้องต้นอาการคนไข้ค่อนข้างคงที่ และให้ความร่วมมือได้ดี โอกาสที่วัตถุแปลกลอมที่จะหลุดเข้าไปในกระเพราะอาหาร มีโอกาสอยู่ประมาร 50 % เพราะตัววัตถุค่อนข้างใหญ่และยาว แต่ส่วนมากจะติดอยู่ที่บริเวณลำคอ ถ้าไม่ได้มีการปลักดันในลำคอ มันจะติดที่บริเวณลำคอมากกว่า แต่ในส่วนที่จะลงไปในกระเพราะหรือลำไส้ส่วนต้น มีโอกาสได้ประมาร 10-15 % ซึ่งถ้าลงไปถึงในส่วนลำไส้เล็กหรือกระเพาะอาหาร ก็จะต้องทำการผ่าตัดเอาออก เพราะวัตถุที่ค่อนข้ายาว เกิน 6 ซม. มันอาจจะทำให้ลำไส้เล็กบาดเจ็บได้ กรณีหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ การมีวัตถุแปลปลอมติดอยู่ในลำคอ สิ่งที่เราต้องประเมินอย่างแรกเลยคืออาการคนไข้คงที่ไหมลักษณะของคนไข้มีอาการหายใจติดขัด หรือหายใจไม่ออกหรือไม่ มีน้ำลายไหล หรือกลืนไม่ลงหรือไม่ หากมีอาการพวกนี้ แนะนำรีบโทรแจ้ง 1669 หรือทางมูลนิธิกู้ชีพ ให้เข้าช่วยเหลือคนไข้ หากอาการ พูดคุยๆได้ ออกเสียงๆได้ และไม่ได้มีอาการของทางเดินหายใจอุดตันร่วมด้วย ก็สามารถพามาโรงพยาบาลได้ ในส่วนของการช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ต้องดูว่าคนไข้มีอายุช่วงไหน ถ้าคนไข้อายุน้อยกว่า 1 ปี หรือเด็กเล็ก ต้องใช้วิธีการตบหลัง 5 ครั้ง กดหน้าอก 5 ครั้ง เพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา แต่หากคนไข้อายุเกิน 1 ปีแล้ว เราสามารถอุ้มได้ เราก็ใช้วิธีการโอบรัดจากด้านหลัง และใช้ตรงข้อมือ กับฝ่ามือกดบริเวณลิ้นปี่ และเขยย่า เพื่อให้คนไข้สำลักและให้สิ่งแปลกปลอมออกมาเอง ไม่แนะนำให้ดันกลับลงไป เพราะจะทำให้เกิดการบาดเจ็บ ทั้งทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจได้มากขึ้น แต่หากเราไม่มีประสบการณ์จริงๆ แนะนำให้โทร 1669 ตามทางกู้กู้ชีพ ให้เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น จะเป็นการปลอดภัยสำหรับคนไข้ ได้มากกว่า
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ