ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัวจับกุมตรวจสอบลักลอบทำผิดกฎหมาย

ตาก – กสทช.พร้อมฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอดระดมกำลังชุดปราบปรามพร้อมอาวุธครบมือกว่า 100 นาย ปิดล้อมเมืองชายแดนจังหวัดตากพร้อมกัน 6 จุด สกัดขบวนการปราบปรามเครือข่ายส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปประเทศเพื่อนบ้าน ตะลึงกลุ่มขบวนการขุดดินลักลอบร้อยสายสัญญาณข้ามแม่น้ำเมยเร่งขยายผลแล้ว

ตาก – กสทช.พร้อมฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอดระดมกำลังชุดปราบปรามพร้อมอาวุธครบมือกว่า 100 นาย ปิดล้อมเมืองชายแดนจังหวัดตากพร้อมกัน 6 จุด สกัดขบวนการปราบปรามเครือข่ายส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปประเทศเพื่อนบ้าน ตะลึงกลุ่มขบวนการขุดดินลักลอบร้อยสายสัญญาณข้ามแม่น้ำเมยเร่งขยายผลแล้ว

เมื่อเวลา 10.00 น. ( วันที่ 28 มิถุนายน 2567 ) ที่ สภ.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการรักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) พร้อมด้วยสำนักงาน กสทช. ภาค 3 และเขต 31 ลำปาง พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 นายสัญญา เพชรเศษ นายอำเภอแม่สอด พร้อมกำลังชุดติดอาวุธจากฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด ตำรวจไซเบอร์ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู และตำรวจ สภ.แม่สอด จังหวัดตาก จำนวนกว่า 100 นายร่วมกันเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายสำคัญ 6 แห่ง ภายใต้ปฏิบัติการทลายเครือข่ายลักลอบส่งสัญญาณสื่อสารจากประเทศไทยส่งไปประเทศเพื่อนบ้านผิดกฎหมาย


โดยปฎิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังครั้งใหญ่ที่สุดและเข้านำหมายค้นเข้าไปปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายซึ่งส่วนใหญ่เปิดอำพรางเป็นห้างค้าส่งรูปแบบต่างๆซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์สุงย่านใจกลางเมืองแม่สอด จังหวัดตาก โดยการตรวจค้นเป้าหมายทั้ง 5 จุดในอำเภอแม่สอดเจ้าหน้าที่ตรวจพบอุปกรณ์ส่งสัญญาณสื่อสารระยะไกลได้หลายรายการและเชิญตัวผู้ดูแลบ้านทั้ง 5 จุดที่ถูกตรวจค้นไปสอบสวน ขณะเดียวกันกำลังชุดติดอาวุธได้เดินทางเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่จุดที่ 6 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดซึ่งตั้งอยู่เลียบแนวตะเข็บชายแดนหมู่บ้านห้วยแล้ง หมู่ที่ 10 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยเป้าหมายจุดดังกล่าวฝ่ายสืบสวนของ กสทช.ได้นำรถยนต์อุปกรณ์โมบายตรวจสัญญาณเคลื่อนที่ตรวจพบว่าบริเวณดังกล่าวมีการส่งสัญญาณสื่อสารข้ามแนวชายแดนและเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจอย่างละเอียดพบว่าบริเวณห่างจากเสาส่งสัญญาณขนาดใหญ่พบมีการลักลอบขุดดินจากริมถนนเลียบแม่น้ำเมยโดยใต้ดินที่ขุดตรวจพบสายเคเบิลส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตส่งข้ามแดนจากฝั่งไทยข้ามแม่น้ำเมยส่งข้ามไปประเทศเมียนมาซึ่งฝั่งตรงข้ามจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ตั้งกลุ่มจีนสีเทาซึ่งเกี่ยวเนื่องกับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์และบ่อนพนันออนไลน์แต่การตรวจสอบครั้งนี้พบว่ากลุ่มขบวนการได้ไหวตัวได้รีบทำการตัดสายเคเบิ้ลดังกล่าวออกก่อนแต่ยังหลงเหลือวัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุหลายรายการเจ้าหน้าที่จึงต้องขยายผล

ด้านนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการรักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ได้ลงพื้นที่ตรวจการลักลอบใช้สัญญาณโทรคมนาคมข้ามประเทศผิดกฎหมายในพื้นที่ จ.ตาก เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน หลังจากได้รับแจ้งว่าบริเวณพื้นที่ตะเข็บชายแดน อำเภอพบพระและอำเภอแม่สอด จ.ตาก มีการลักลอบลากสายเคเบิ้ลข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเพื่อใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยที่ผ่านมาสำนักงาน กสทช. เขต 31 เคยลงพื้นที่สำรวจพื้นที่บริเวณริมแม่น้ำเมย บ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ต.แม่กุ อ.แม่สอด พบว่ามีกระบวนการลักลอบลากสายเคเบิ้ลขึ้นเรือข้ามแม่น้ำเมย ซึ่งเป็นช่องทางพรมแดนธรรมชาติไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเพื่อใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตผิดกฎหมายจึงได้ทำการตัดสาย และพิสูจน์ทราบว่าสายดังกล่าวมีต้นกำเนิดสายมาจากที่ใด เนื่องจากการกระทำดังกล่าวมีความผิดฐานประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับรูปแบบการลักลอบใช้สัญญาณโทรคมนาคมผิดกฎหมายบริเวณแนวตะเข็บชายแดน จ.ตาก นอกจากการลากสายเคเบิลขึ้นเรือข้ามแม่น้ำ ยังพบเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ใน อ.แม่สอด และ อ.แม่ระมาด หันออกไปยังฝั่งตรงข้ามไทยในพื้นที่ชเวก๊กโก และหวันหยา ฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นจุดแรกที่เคยลงพื้นที่สุ่มตรวจ ขณะนี้ได้ระงับสัญญาณในพื้นที่แล้วทุกจุดและการตั้งสถานีวิทยุคมนาคมเพื่อส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้รับอนุญาติ ซึ่งล่าสุดขณะนี้สามารถควบคุมการหันเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้แล้ว ทั้ง 7 พื้นที่และได้มีการระงับสัญญาณรวมแล้ว 366 สถานีฐานทั่วประเทศ ซึ่งมีทั้งการดำเนินการระงับสัญญาณ ปรับทิศทางสายอากาศ ลดกำลังส่งและรื้อสายอากาศซึ่งอยู่ระหว่างการเร่งรัดดำเนินการเพราะอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นภัยต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างร้ายแรงและยังส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชน

เกษมสันต์ ไชยเดช จ.ตาก รายงาน