จับสัญชาติลาว20คน หลบหนีเข้าเมืองพร้อมยึดรถคนไทย
วันที่ 17 ธ.ค.63 ที่สถานีตำรวจภูธรมูโนะ เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายร่วมแถลงข่าวจับแรงงานลาวหลบหนีข้ามแม่น้ำสุไหงโกลก อ.มูโนะ จ.นราธิวาส เมื่อคืนที่ผ่านมา(16 ธ.ค.63) นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโกลก พ.ต.อ.จำรัส รุ่งเรือง ผกก.สภ.มูโนะ พ.ต.ท.ธีระโชติ ปฐมวณิชกะ ผบ.ร้อย กก.ตชด.447 เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส30 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว จับแรงงานข้ามชาติ 20 คน หลบหนีเข้าเมืองผ่านเส้นทางธรรมชาติ ในจังหวัดนราธิวาส โดยทั้งหมดเป็นแรงงานประมงอยู่ที่รัฐปะฮัง ประเทศมาเลเซีย หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา(16 ธ.ค.63) เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายสนธิกำลังออกตรวจแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย พบกลุ่มชายกลุ่มดังกล่าว เดินขึ้นจากริมคลองแม่น้ำสุไหงโก-ลก ม.3 บ.ปรือเตาะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อเตรียมขึ้นรถยนต์กระบะ 2 คันที่จอดรออยู่ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจภูธรมูโนะ เพื่อขยายผลและคัดกรองโควิด-19
จากการซักถามทราบว่า เวลา 23.10 น. ของวันที่ 16 ธันวาคม 2563 เจ้าหน้าที่ร่วม 3 ฝ่าย ได้สนธิกำลังออกตรวจสอบแนวชายแดนไทย- มาลเซีย ได้เจอกลุ่มคนทราบว่าเป็นชายเดินขึ้นจากริมคลองแม่น้ำสุไหงโก-ลก ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย บริเวณ ม.3 บนปรือเดาะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาสเพื่อมาขึ้นรถซึ่งจอดอยู่ฝั่งไทย รออยู่แล้วจำนวน 2 คัน ดังนี้ เ. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยด้ำ รุ่น วีออส สีเทา หมายเลขทะเบียน กล 1008 นครศรีธรรมราช 2. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นสปอร์ตไลเดอร์ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กย 328 สงขลา เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบ พบกลุ่มชายจำนวน 10- 20 คน ทิ้งกระเป๋าเดินทางได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าบริเวณที่รถจอดรออยู่บริเวณ ม.3 บ้านปรือเดอะ ฯ จึงได้สนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ปิดล้อมบริเวณป้าที่กลุ่มคนวิ่งหนีไป และ เจ้าหน้าที่ได้พบบุคคลชายจึงเรียกออกสอบถามจึงรู้ว่ากลุ่มบุคคลที่วิ่งเข้ไปในป่า มากันทั้งหมด 20 คน ซึ่งพวกตนเป็นคนสัญชาติลาวกลับจากประเทศมาลเซีย เพื่อเดินทางกลับไปยังประเทศลาว เจ้าหน้าที่จึงให้ชายดังกล่าวตะโกนเรียกเพื่อนที่หลบหนีไปให้ออกมาพบเจ้าหน้าที่ เมื่อครบแล้วเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรมูโนะ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโกลก กล่าวว่า นายเจษฏา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้มีนโยบายสั่งการให้สกัดกั้นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองโรค เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ได้สนองนโยบายจับกุมคนไทยลักลอบขนแรงงานเถื่อนโดยผิดกฎหมายพร้อมแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนพยายามลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
สีไว เจริญสุก อายุ34 ปี แรงงานลาวอาชีพประมง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าตนเองทำประมงมานานกว่า 17 ปี เรือประมงขนาด 10 ตันกลอส ตนเองและเพื่อนๆออกเดินทางโดยรถบัสปรับอากาศ จากรัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่14 ธ.ค. มาถึงใกล้ๆชายแดน 20.00 น.ของวันที่ 14 เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 8,000 บาทต่อคน ซึ่งราคานี้เดินทางมาถึงจังหวัดปัตตานี หากจะเดินทางไปยังประเทศลาวก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก การลักลอบข้ามมาฝั่งไทยได้มีการติดต่อผ่านนายหน้าที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งนายหน้าได้เดินทางมาหาที่แพปลาที่ตนเองและเพื่อนทำงานอยู่ ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่านายหน้าเป็นคนไทยหรือเป็นคนมาเลเซีย ซึ่งนายหน้าก็พูดไทยได้แล้วก็พูดภาษามาเลเซียได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ติดต่อสถานกงศุลประเทศลาว ไว้แล้วเพื่อนๆและตนเองรอนานกว่า 2 เดือน ทำให้เราจึงตัดสินใจเสียค่านายหน้าและยอมหลบหนีเข้าเมืองมาแบบผิดกฎหมาย แล้วที่ผ่านมานายจ้างได้เลิกว่าจ้างทำให้ตนเองและเพื่อนๆเดือดร้อนหนักมากเนื่องจากเงินที่ทำงานมาก็น้อยลงไปเรื่อยๆแม้ว่าจะติดต่อสถานกงสุลประเทศลาว แต่ไม่มีเครื่องบินมารับทำให้ตัดสินใจเข้าเมืองผิดกฎหมายคิดว่าไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า เพราะอยู่ไปก็ไม่มีเงินและลำบากมากคิดถึงบ้างอยากกลับไปหาลูกเมียคิดถึงพ่อแม่ แต่ถึงอย่างไรก็ตามถ้าหากว่าสถานการณ์ covid ดีขึ้น ก็ต้องมีความจำเป็นกลับไปทำงานที่เดิมเพราะว่าที่ประเทศตนเองไม่มีงานทำแล้วก็ค่าแรงก็ถูกมากยอมเสี่ยงไปทำงานที่เดิมดีกว่าเพราะว่ามีรายได้แน่นอนถ้าหากว่าออกเรือได้ก็รายได้ที่ 15,000-20,000 บาท ต่อเดือน
ข่าว ซาการียา ดอเลาะ จ.นราธิวาส