ข่าวพาดหัว

ปทุมธานี – ถกกันสั่นโซเชียลหลังมีข่าวจนท.ปสป.ใช้กฎหมายกับนายจ้างให้บังคับลูกจ้างทำบัตรประกันสังคม

วันที่ 15 สิงหาคม 2567 จากการมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ประกันสังคมบุกเข้าพบเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวย่าน คลอง 8 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานีพร้อมกับแจ้งข้อกฎหมายว่า นายจ้างมีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องขึ้นทะเบียนนายจ้างพร้อมกับขึ้นทะเบียนลูกจ้างประกันตนภายใน 30 วัน และเมื่อมีการรับลูกจ้างใหม่เพิ่มขึ้นต้องแจ้งขึ้นทะเบียนใหม่ภายใน 30 วันเช่นกัน มิฉะนั้นจะมีความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทำเอาแตกตื่นตกใจกันทั้งร้านก๋วยเตี๋ยว จนได้มีสื่อออนไลน์ของเพจหนึ่งที่ได้นำเสนอข่าวผ่านทางช่องทางเฟสบุ๊ค จากนั้นชาวโซเชียลแห่คอมเม้นเดือดของแต่ละมุมมองของการใช้สิทธิ์ประกันสังและสิทธิ์รักษา 30 บาท บ้างคอมเม้นว่า ให้คุณภาพต่ำกว่าบัตรทอง,บ้างคอมเม้นว่าเริ่มไถ่แล้วนะ ,บ้างเม้นว่านายจ้างไม่อยากทำเพราะต้องจ่ายด้วย ,บ้างคอมเม้นว่าตลกร้านก๋วยเตี๋ยวให้ทำประกันสังคมอีหน่อยคงร้านขายลูกชิ้นปิ้ง,บ้างเม้นว่าตามหน่วยงานของรัฐจ้างเหมาไม่เห็นมีประกันสังคม จากนั้นผู้สื่อเข้าติดต่องไปยังหนึ่งในผู้คอมเม้นนั้นคือผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อว่า Pongsaton photai กล่าวว่า สอบถามนะครับผมใช้บัตร 30 บาท เข้าที่ไหนตอนนี้เข้าได้ถึงในคลีนิคแถวบ้าน แล้วจะบังคับทำประกันสังคม แล้วให้ผมต้องนั่งรถไปใช้สิทธิ์ในตัวเมื่องเพื่ออะไร


จาการการสอบถาม นายพงศธร โพธิ์ไต้ (รถส่งน้ำแข็ง) กล่าวว่า ตนมีลูกจ้าง 2 คนที่เป็นญาติกันที่ชวนมาทำงานด้วย โดยการซื้อน้ำแข็งจากทางโรงงาเพื่อขายมาขายปลีกและขับรถกระบะส่งให้แกร้านค้าและโรงงานในชุมชนตั้งแต่ คลอง 8- ถึง คลอง 13 ตนมาได้เห็นข่าวจึงสงสัยว่าอยากตนนั้นเอาญาติพี่น้องมาทำงานต้องขึ้นทะเบียนไหมเพราะค่าจ้างนั้นจ่ายแบบรายวัน แล้วที่กฎหมายบังคับนั้นชาวบ้านที่ขายลูกชิ้นขายหมูปิง รวมไปถึงร้านที่ค้าขายตามตลาดนัดนั้นด้วยที่มีการจ้างงานเช่นกับตนก็ต้องขึ้นทะเบียนเช่นกันใช่ไหม ส่วนตนและคนงานของตนใช้การรักษาโดยสิทธิ์บัตร 30 บาท ทั้ง2 คน เพราะสะดวกเข้าคลินิกแถวบ้านก็ได้ไม่ต้องเดินทางไปรักษาตามสิทธิ์อย่างประกันสังคมที่โรงพยาบาลที่กำหนด ส่วนประกันชีวิตประกันอุบัติเหตุตนเปิดบัญชีเงินฝากให้ลูกจ้างและทำประกันของธนคารปีละ 1,000 บาทเอง ก็คุ้มครองเป็นหลักแสนถึงหลักล้านได้เช่นกัน ส่วนเรื่องเงินเกษียณตอนที่อายุ 55 ปีที่ประกันสังคมจะให้เป็นเงินเกษียณนั้นตอรรี้ลูกน้องตนอายุ 20 ปี ถามว่าเขาจะยินยอมที่จะส่งไหม มันต่างจากที่เอาเงินที่ส่งประกันสังคมไปส่งประกันชีวิตของเอกชนปีละประมาณ 10,000 บาท ส่งสัก 10 ปีตามเงื่อนไขก็ได้เงินก้อนคืนแล้วเร็วกว่าเงินที่จะได้จากประกันสังคมไม่จำเป็นต้องรอถึง 30 ปี แต่ถ้าว่ามันผิดกฎหมายถ้าบังคับให้ทำตนก็ยอมทำแต่ก็ต้องบังคับทำทั้งหมดและทุกกิจการไม่เลือกปฏิบัติโดยที่ให้เจ้าหน้าที่ประกันสังคมลงตรวจที่พื้นที่ใน จ.ปทุมธานี อย่างละเลียดเพื่อบังคับใช่กฎหมายกันยังเท่าเทียมกัน และกล่าวต่อว่าแต่ถ้ามมองสิทธิการรักษา 30 บาท การรักษานั้นดีกว่ามากจริงๆ เพราะบางครั้งที่ตนปวดหัวเป็นไข้เล็กน้อยก็เข้าคลีนิคแถวบ้านไม่จำเป็นต้องไปรักษาสิทธิประกันสังคมที่มีการกำหนดโรงพยาบาลให้ ไม่ต้องเสียค่าเดินทางไม่ต้องเวลาทั้งวันเพื่อรอพบแพทย์ ส่วนเงินตอนอายุ 55 ปีที่จะได้รับจากประกันสังคมนั้น ทางรัฐก็มีนโยบายเงินผู้สูงอายุอยู่แล้วถึงตอนนี้จะแค่ 600 บาท แต่ก็กำลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 บาท โยที่ไม่ต้องเสียอะไรเลย ถ้าสิทธิการรักษาประกันสังคมดีจริงไม่ต้องให้กฎหมายมาบังคับหรอกประชาชนเข้าไปทำเอง


ด้านนายณัฐพงศ์ สังข์ทอง อายุ 22 ปี กล่าวว่า ตนมองเห็นการการใช้กฎหมายมาบังคับนายจ้างให้มาตนให้ทำประกันสังคมว่าควรจะเป็นความสมัครใจของลูกจ้างมากกว่าอยากให้สวัสดิการนั้นเป็นทางเลือกมากกว่าการบังคับ เพราะตนนี้ตนมีบัตรทองอยู่แล้วและสามารถรักษาตามคลีนิคใกล้บ้านได้ไม่ต้องเดินทางไกล ส่วนเงินเงินวัยเกษียณตอน 55 ปีที่ประกันสังคมจ่ายคืนนั้นต้องส่งเงินเข้าทุกเดือนถึงถึงอายุ 55 ปีตามที่ประกันสังคมกำหนดต้องใช้เวลานานมากเพื่อที่จะรอเงินตอนอายุ 55 ปี จะดีกว่าไหมที่ไม่ต้องส่งอะไรเลยเพรรัฐบาลก็มีเบี้ยคนชราตอน 60 ปีอยู่แล้ว ถึงตอนนี้จะแค่ 600 บาท มีก็มีนโยบายที่กำลังจะปรับเป็น 3,000 บาทในอีกไม่นาน