ชาวบ้านเชื่อ นายอั๋น พูดจริงเผาจริง ขี่จักรยาน วนดูผลงาน ก่อนที่จะหายตัวไปกับความมืด ย่านประชาอุทิศ
วันที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 0.40 น.
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในชุมชนบ้านสวน ซอย ประชาอุทิศ 14 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย ราษฎร์บูรณะ พร้อมอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ( อปพร.เขต ราษฎร์บูรณะ ) และ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาสมัคร มาถึงที่เกิดเหตุพบเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 107 /1 ชุมชนบ้านสวน ท้ายซอยประชาอุทิศ 14 เเขวง บางประกอก เขต ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร เป็นลักษณะบ้านไม้สองชั้น เเบ่งเป็นห้องให้เช่า พบแสงเพลิงและกลุ่มควัญเป็นจำนวนมากบริเวณชั้นล่างของตัวบ้านแล้วขึ้นสู่ชั้นที่สองอย่างรวดเร็ว อาสาสมัคร พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงเร่งรัดจัดวางสายฉีดน้ำดับเพลิงเป็นการเร่งด่วนอย่างทุลักทุเล เพราะที่เกิดเหตุเป็นซอยแคบรถดับเพลิงขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้ จึงต้องใช้แรงของอาสาสมัครช่วยกันแบกหามเครื่องสูบน้ำและอุปกรณ์สายพร้อมหัวฉีดดับเพลิงเข้าไปด้านใน ใช้เวลา 20 นาที จึงระงับเหตุเอาไว้ได้เพลิงจึงสงบลง และจากการตรวจสอบภายในสถานที่เกิดเหตุไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากเหตุการณ์ดังกล่าว
และจากการสอบถาม ป้าแป๊ว อายุ 67 ปี เป็นผู้พักอาศัยอยู่ภายในชุมชนกล่าวว่า เมื่อก่อนบ้านหลังนี้เคยปล่อยให้คนเช่าอยู่อาศัย แล้วคนนี้ก็มาเช่าอยู่สองคนผัวเมีย แล้วก็อยู่เหมือนไม่ใช่ห้องอยู่เลอะเทอะไปหมดเลย แล้วก่อนที่เขาจะไปโครงการนี้เป็นโครงการของทหารเข้ามาซ่อมบ้านแม่ชี ตอนที่เขาอยู่เป็นปีๆ สองปี สามปี ก็ไม่เคยจ่ายตังแล้วพอทหารมาเขาก็ไม่พอใจว่ามาลื้อทำไมสัญญากับตำรวจว่าจะลื้อสิ้นเดือน แต่นี้มันยังไม่ถึงสิ้นเดือนจะให้เขาไปทำไมแล้วทางทหารเขาบอกว่าผมมาซ่อมคุณอยู่ก็ส่วนไปแล้วส่วนที่เขาจะให้คุณอยู่ก็อยู่ไปแต่เขามีหน้าที่ของเขาคือเขาต้องมาซ่อมบ้าน เมื่อวานนี้ทหารก็เข้ามาลื้อบ้าน แล้วเมื่อกี้เขาก็ขี่จักรยานเข้ามาดูเสื้อก็ไม่ได้ใส่ เข้ามาดูว่าผลงานเป็นยังงัยแล้วเลี้ยวออกไปทางซอยสันติสุข เพราะตอนนี้เขาเช่าห้องเอาไว้แถวๆใกล้ซอยสันติสุข คนที่ก่อเหตุเขาเคยเช่าบ้านหลังนี้มาแล้วและพอเขาออกไปเขาก็เคยขู่อาฆาตเอาไว้ว่าเด๋วเผาแม่งเลย พูดหลายรอบด้วย ชาวบ้านแถวนี้ก็ได้ยินกันหมด แล้วยังเคยประกาศอีกด้วยว่ากูอยู่ไม่ได้คนอื่นก็อยู่ไม่ได้ ถ้าเขาปรกติเราไม่ว่าไฟบ้านแม่ชีก็ตัดไปแล้วเขามาถอดหม้อไปคือเขาอยู่เขาก็ไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟลูกชายของแม่ชีเขาเป็นคนจ่าย แต่พอแม่ชีเขาตายแล้ว ลูกชายของแม่ชีก็ไม่เสียค่าน้ำค่าไฟบ้านหลังนี้ให้แล้ว แต่มีแม่ชีอีกคนต้องอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ทหาร 904 เขาเลยมาซ่อมบ้านให้แม่ชีแบบฟรีๆ แล้วพวกเราผิดตรงไหนล่ะ เขาบอกแล้วว่าเขาจะเผา เราก็ไปขอถังดับเพลิงจากชุมชนอื่นมา ประธานนพ เขาก็ให้มา 3 ถัง สำรองเอาไว้เพราะตนคิดว่ามันต้องโดนแน่ๆแต่จะช้าหรือเร็ว ตนมั่นใจแน่ๆว่านาย อั๋น เป็นคนเผาแน่ๆ เพราะตอนเกิดเหตุตนเห็นนาย อั๋น ขี่จักรยานมาดู แล้วก็ขี่ออกไปแล้ว
และจากการสอบถาม ป้ามาลี อายุ 70 ปี อยู่บ้านติดกันกับบ้านเกิดเหตุ บอกเล่าว่า ตนนอนอยู่แล้วได้กลิ่นไหม้จึงออกมาดู เห็นไฟกำลังลุก จึงเอาถังดับไฟ ที่ได้มากัน และตะโกนเรียกชาวบ้านมาช่วยกัน ถังดับเพลิง 3 ถังยังไม่ดับ จึงช่วยกันเอาน้ำราด คนละถัง 2 ถัง แล้วดับเพลิงก็มา บ้านหลังนี้ก่อนหน้านี้ปล่อยให้เช่า มีแม่ชีมาอยู่ แล้วก็มีคนมาเช่าอยู่ พอนานเข้าบ้านเริ่มผุ ก็มีโครงการมาทำบ้านให้ใหม่ เมื่อวานมีคนเข้ามารื้อ คนที่เช่าอยู่ก่อนเค้าบอกว่า ถ้าไม่ให้เค้าอยู่เค้าจะจุดไฟเผาบ้านให้หมด เค้าเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์เลยไปขอถังดับเพลิงมาไว้ เพราะกลัวจะเกิดเหตุ คิดว่าไอ้ 2 คนผัวเมียนี่แหละ เพราะยังเข้ามาดูอยู่แล้วก็หายออกไป แต่ของยังเอาไปไม้หมดเอาไว้ข้างในด้านหลังนู้น
เบื้องต้นชาวบ้านเชื่อว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ดังกล่าวเกิดจากฝีมือของ นาย อั๋น อายุประมาณ 30 ปี และ นางสาว นาว อายุประมาณ 20 กว่าๆ ชาวบ้านต่างก็เชื่อว่าเป็นฝีมือของสองคนผัวเมียคู่นี้เป็นแน่นอน เพราะเขาเคยประกาศเอาไว้ว่าจะเผาบ้านให้หมด ถ้าใหเขาย้ายออก ในเมื่อเขาอยู่ไม่ได้คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ ซึ่งคำพูดเหล่านี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ยินมาทั้งสิ้นต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นคำพูดที่พูดออกมาจากปากของทั้งสองคนผัวเมีย อย่างแน่นอน แต่อย่างไรแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวยังต้องรอผลพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อนถึงจะสรุปได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการจงใจเผาบ้านอย่างที่ชาวบ้านเชื่อกันหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเองก็เป็นไปได้