กีฬาข่าวทั่วไปข่าวประชาสัมพันธ์

สงขลา – คึกคักข้ามพรมแดน ทัพนักวิ่งกว่า 1,000 คน ร่วมพิชิตเส้นชัยในกิจกรรมเดิน – วิ่งข้ามประเทศ (ไทย-มาเลเซีย) เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ พร้อมพัฒนาและส่งเสริมสงขลาเมืองกีฬาสู่การเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับนานาชาติ

คึกคักข้ามพรมแดน ทัพนักวิ่งกว่า 1,000 คน ร่วมพิชิตเส้นชัยในกิจกรรมเดิน – วิ่งข้ามประเทศ (ไทย-มาเลเซีย) เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ พร้อมพัฒนาและส่งเสริมสงขลาเมืองกีฬาสู่การเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับนานาชาติ
เช้ามืดวันที่ 8 กันยายน 2567 นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดงานและปล่อยตัวนักวิ่งโครงการเดิน – วิ่งข้ามประเทศ (ไทย – มาเลเซีย) เชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ภายใต้สโลแกน “Sadao Half Marathon Through Thailand and Malaysia Border Crossing Points” ณ วงเวียนหน้าสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมสงขลา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยมีนายวิเชษต์ สายกี้เส้ง นายอำเภอสะเดา พร้อมด้วยผู้แทนจากประเทศมาเลเซีย ส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมไปถึงประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลเซียเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักท่ามกลางการดูแลและอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทางการวิ่ง


. สำหรับโครงการเดิน – วิ่งข้ามประเทศ (ไทย – มาเลเซีย) แบ่งระยะทางการแข่งขันออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภท HALF MARATHON ระยะทาง 21 กิโลเมตร, ประเภท MINIMARATHON ระยะทาง 10 กิโลเมตร และประเภท FUN RUN ระยะ 5 กิโลเมตร มีนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันจำนวนทั้งสิ้น 1,800 คน แยกเป็นชาย 950 คน หญิง 850 คน และเป็นชาวต่างชาติ 200 คน โดยเริ่มสตาร์ทจากนิคมอุตสาหกรรมสงขลา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เดิน – วิ่ง ข้ามพรมแดนไปยังประเทศมาเลเซีย และย้อนกลับมาเข้าเส้นชัยยังฝั่งไทย


. โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ อำเภอสะเดา ได้ร่วมกับกิ่งกาชาดอำเภอสะเดา ชมรมวิ่งอำเภอสะเดา ศูนย์ประสานงานชายแดนไทย – มาเลเซีย ตัวแทนชมรมวิ่งประเทศมาเลเซีย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อร่วมกันพัฒนา ส่งเสริมการเป็นสงขลาเมืองกีฬาสู่การเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับนานาชาติ พร้อมเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่าง 2 ประเทศบริเวณแนวพรมแดน ควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจบริเวณพื้นที่อำเภอสะเดา ตลอดจนสนับสนุนภารกิจของกิ่งกาชาดอำเภอสะเดาและเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา โดยรายได้เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วส่วนที่เหลือส่วนหนึ่งจะส่งต่อกลับพื้นที่เพื่อดูแลกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ผู้ยากไร้และกลุ่มเปราะบางทางสังคม ผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน คณะกรรมการชุมชนและมอบให้กิ่งกาชาดอำเภอสะเดาใช้ในภารกิจของกิ่งกาชาด ภายใต้สโลแกนที่ว่า “คนสะเดาไม่ทอดทิ้งกัน”
. ทางด้านนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้กล่าวชื่นชมในความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ ในการจัดโครงการดังกล่าว ซึ่งได้เห็นถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในอำเภอสะเดาและได้เห็นการทำงานประสานความร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและเจ้าหน้าที่ฝ่ายมาเลเซียที่ปฏิบัติงานอยู่บริเวณพรมแดน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมระดับพื้นที่และประชาชนได้รับประโยชน์ อีกทั้งอำเภอสะเดาถือเป็นด่านพรมแดนหลักของประเทศไทยและจังหวัดสงขลาที่สร้างมูลค่าในทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก ผ่านช่องทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว มีการแลกเปลี่ยนวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีระหว่างกันเกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง 2 ประเทศ จึงเชื่อมั่นว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมในอีกหลายๆ กิจกรรมที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะเกิดขึ้นตามมาอีกในอนาคต

พี่เสือ นักข่าว สงขลา