ขวัญผวา สาวลูกอ่อนนอนให้นมลูก ถูกชิงรถ จยย. ต่อหน้าต่อตาภายในบ้าน ย่านประชาอุทิศ ( มีภาพกล้องวงจรปิด )
วันที่ 2 พฤษจิกายน 2567 เวลา 12.00 น.
นางสาว อนุสรา ยนภพ อายุ 33 ปี แม่ค้าขายข้าวนึ่ง ได้เดินทางไปที่ สน.ราษฎร์บูรณะ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กับร้อยตำรวจเอก ยศวรรธน์ รัตนะศรี รอง สว.สอบสวน เนื่องจาก เมื่อช่วงเวลาประ 04.00 น. เช้ามืดวันนี้ ได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน แต่งกายมิดชิดสวมเสื้อคลุม สวมหมวกกันน๊อค อำพรางใบหน้า ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น PCX ไม่ทราบทราบสี และ ทะเบียน มาจอดรถหน้าบ้านของตน แล้วเดินเข้าไปภายในบ้านลงมือก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ 125 i สี แดง ทะเบียน 8 ขค 7540 กรุงเทพมหานคร หลบหนีหายไปกับความมืด ซึ่งคนร้ายทั้งสองคนได้ลงมือก่อเหตุใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ซึ่งตอนนั้นตนกำลังนอนให้นมลูกอ่อนวัย 7 เดือนอยู่ภายในบ้าน แล้วเมื่อเห็นว่ารถของตนได้ถูกลักไปก็พยายามติดตามตัวคนร้ายแล้วแต่ตามไม่ทัน
จึงได้ตัดสินใจเดินทางมาที่ สน.ราษฎร์บูรณะ ในช่วงเวลา 9.44 น. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อหน้าเจ้าพนักงานสอบสวนเพื่อให้เร่งติดตามคนร้าย และช่วยเร่งติดตามรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวกลับมาโดยไวก่อนที่มันจะสายเกินไป แล้วร้องผ่านสื่อให้ช่วยกันเป็นกระบอกเสียงให้ช่วยอีกแรงเผื่อใครได้เห็นภาพแล้วคุ้นหน้าคุ้นตา 2 โจรสุดแสบรายดังกล่าวก็ขอให้ช่วยแจ้งเบาะแสมาให้ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามจับกุมสองคนร้ายได้โดยไว แล้วฝากวิงวอนขอให้ผู้ก่อเหตุกลับตัวกลับใจช่วยนำรถจักรยานยนต์มาคืนตนด้วยเพราะตนลำบากมากกว่าจะได้รถคันนี้มา แถมตอนนี้ตนยังมีลูกเล็กที่ต้องคอยเลี้ยงดูอีกก็ขอให้เห็นแก่เด็กน้อยตาดำๆด้วย แม้ว่าความหวังที่จะได้คืนนั้นมันเลือนลางแต่ก็ยังมีความหวังอยู่เล็กๆที่จะได้รถจักรยานยนต์ของตนคืน ก็ต้องฝากความหวังไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นาย อานนท์ ยนภพ อายุ 59 ปี เจ้าของบ้านบอกเล่าว่า ตนนอนอยู่ชั้น 2 ส่วนลูกสาวลูกเขยและหลานนอนอยู่ชั้นล่าง ปกติเวลาประมาณตี 4 ตนจะตื่นและลงมาออกไปเตรียมเปิดร้านที่กลางซอยประชาอุทิศ 27 เป็นประจำ ตอนเกิดเหตุดูจากกล้องวงจรปิดเป็นเวลาประมาณ ตี 3.59 น. ก่อนตนจะลงมานิดเดียว ลูกสาวตนบอกว่า ตื่นมาให้นมลูกช่วงนั้นพอดี แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะนึกว่าพ่อเอารถออกไปข้างนอก ประจวบกับตนงัวเงียด้วย พอเห็นแสงไฟรถส่องลอดเข้ามาในตัวบ้านผ่านกระจก เลยลุกออกไปเปิดประตูดูก็พบว่ารถที่จอดไว้ไม่อยู่แล้ว เลยขี่รถคันใหม่ออกไปตามหาก็ไม่เจอแล้ว ปกติเดิมทีมีรถมอไซค์ 2 คัน รถจักรยาน 2 คัน รถแท๊กซี่ 1 คัน รถมอไซค์จะจอดเอาหัวรถกำแพงและรถแท๊กซี่จอดปิดหน้าบ้าน แต่เมื่อวานลูกสาวคนเล็กได้ซื้อรถมอไซค์มาใหม่เลยเอาคันใหม่เข้าข้างใน รถคันที่หายจอดปิดท้ายรถมอไซค์ 2 คัน จักรยานอีกคันนึง และจักรยานอีกคันก็ขึ้นไปจอดหน้าประตูเหล็ก เพื่อว่าเช้าแฟนจะได้เอารถออกไปทำงานได้สะดวก พอมาดูจากกล้องแล้วก็ไม่คุ้นเลยว่าเป็นใคร เพราะใส่หมวกเต็มใบ ตอนเอารถไปก็ขับหนีไปคนละทาง
และทางน.ส.อนุสรา ยนภพ อายุ 33 ปี เจ้าของรถ บอกเล่าว่า ตนเพิ่งซื้อรถคันนี้มาด้วยเงินสด ไม่ถึงปีเลย เอาไว้ใช้ขี่ไปทำงาน ก็จอดไว้ด้านในแล้วมีรถแท๊กซี่ของพ่อจอดปิดท้ายไว้ตลอด แต่เมื่อวาน น้องสาวตนไปซื้อรถมาใหม่ เลยเอาจอดด้านในแทน และรถของตนก็จอดไว้ด้านนอก ในลักษณะที่ถอยออกทางตรง ตอนเกิดเหตุตนตื่นมาเข้าห้องน้ำ แล้วลูกตนตื่นพอดี ลูกตนอายุ 7 เดือน ตนจึงนั่งให้นมลูกอยู่ บริเวณที่นอนเพราะตนนอนกันข้างล่าง ตอนนั้นตนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เพราะปิดประตูกระจก ประตูเหล็กด้วย ประกอบกับตนก็ง่วงงัวเงีย แล้วก็จะมีคนขี่รถมาจอดกดน้ำบ้าง ตนเลยไม่เอะใจอะไร แล้วพอเห็นแสงไฟลอดเข้ามาในตัวบ้านตนก็คิดว่าพ่อตนลงมาแล้วแล้วออกไปเตรียมร้าน เพราะบ้านตนขายข้าวอยู่ร้านกลางซอยประชาอุทิศ 27 จะออกไปช่วงเวลานั้นพอดี พอพ่อตนลงมาก็เริ่มเอะใจ เลยลุกไปเปิดประตูดูก็เห็นขี่รถหนีไปกันคนละทางแล้ว ตนเลยขี่รถคันใหม่ออกไปตามหา แต่ก็ไม่เห็นไม่เจอแล้ว ตนก็ไปแจ้งความที่ สน.ราษฎร์บูรณะ ตนก็อยากได้รถของตนคืนเพราะเพิ่งซื้อมาไม่ถึงปีเลย ตนไว้ใช้ทำงาน แต่ตนก็ไม่แน่ใจว่า จะได้คืนมั้ย ถ้าได้คืนจะได้ตามสภาพเดิมมั้ย
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้านเลขที่ 88/2 ซอย ประชาอุทิศ 27 ถนน ประชาอุทิศ แขวง บางมด เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร แล้วพบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาย 2 คน โดยขี่รถจักรยานยนต์และซ้อนท้ายกันมา พอมาถึงหน้าบ้านหลังดังกล่าวในช่วงเวลา 03 .59 น. แล้วเดินเข้าไปภายในบ้านอย่างใจเย็นและช่วงเวลา 04.02 น. ได้เข็นรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายออกมา แล้วทำการสตาร์ทรถหน้าบ้านเเล้วก็รีบขับขี่รถจักรยานยนต์หนีไป โดยใช้วิธีแยกกันหลบหนี อีกคันจะหลบหนีไปทางหน้าปากซอยประชาอุทิศ 27 และอีกคันได้ขับขี่หลบหนีไปทางท้ายซอยประชาอุทิศ 27 ซึ่งซอยดังกล่าวเป็นเส้นทางที่จะทะลุออกได้หลายซอย แล้วยังออกไปทางพื้นที่ของพระประแดงได้อีกด้วย จึงทำให้เจ้าของรถที่พยายามติดตามคนร้ายด้วยตัวเองแล้วแต่ไม่ทันเพราะไม่รู้ว่าคนร้ายได้ทำการหลบหนีไปทางทิศไดกันแน่