ระทึก!! หนุ่มเมียนมาหนีตาย อู่รถบัสไฟไหม้ก่อนลุกลามเข้าห้องพักภายในซอยสุขสวัสดิ์ 30
เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 29 พ.ย.67 ร้อยตำรวจเอก นราศักดิ์ วงค์โปรทา รอง สว.สอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 30 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย ราษฎร์บูรณะ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมทั้งอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ( อปพร.เขตราษฎร์บูรณะ ) เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมอาสาสมัครหน่วยงานบรรเทาสถารณภัยมาถึงที่เกิดเหตุพบ จุดเกิดเหตุ อยู่ภายในอู่ซ่อมรถบัสแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในซอยสุขสวัสดิ์ 30 ถนน สุขสวัสดิ์ แขวง บางประกอก เขต ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณกองยางรถบัสเก่า แล้วลุกลามอย่างรวดเร็วขึ้นสู่เสาไฟฟ้าจนความร้อนทำให้หม้อแปลงระเบิด ลูกไฟกระเด็นเข้าไปภายในห้องพักคนงานของบริษัทผู้รับเหมาติดตั้งสำหรับบ้านและโรงงานไฟฟ้า ซึ่งอยู่ติดกับต้นเพลิง จึงเป็นเหตุใหเกิดไฟไหม้ห้องพักคนงานชาวเมียนมา ไปด้วยจนชาวเมียนมาซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในห้องต้องกระโดดหนีตายลงมาจนทำให้ได้รับบบาดเจ็บเล็กน้อยที่ขา อาสาสมัครให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นจนอาการดีขึ้นจึงไม่ประสงค์ที่จะไปโรงพยาบาล แล้วแสงเพลิงยังลุกลามต่อเนื่องไปจนครึ่งโรงงาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงทำการควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบผู้เสียชีวิตภายในที่เกิดเหตุ
จากการสอบถาม นาย มินจอไท อายุ 43 ปี คนงานชาวเมียนมา กล่าวว่า ตนกำลังนอนพักผ่อนอยู่ภายในห้อง แล้วได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงหม้อแปลงระเบิดแล้วลูกไฟก็พุ่งเข้ามาใส่ที่นอนของตน ซักพักไฟก็ลุกไหม้ภายในห้องของตนอย่างรุนแรงตนก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกคว้าข้าวของและทรัพย์สินไม่ทัน ได้แต่กระโดดลงมาจากห้องตนเองซึ่งอยู่บนชั้นที่ 2 เพื่อหนีตาย จนตัวเองได้รับเจ็บ
ด้านนางสาวเฉิดฉาย อายุ 38 ปี กล่าวว่า ตนเห็นว่ามีแสงไฟพุ่งออกมาจากสายไฟฟ้าแล้วก็ตกลงที่กองยางรถยนต์เก่าแล้วซักพักไฟก็ลุกอย่างเร็วและแรง จนกระทั้งลุกลามไปติดรถบัสที่จอดอยู่ แล้วก็ลุกลามไปติดโรงงานด้านข้างเคียงอย่างรวดเร็วตนก็ตกใจได้แต่วิ่งหนีออกมาเพื่อเอาชีวิตรอด
นายอ่ง มน อายุ 41 ปี ชาวเมียนมา กล่าวว่า ตอนนั้นตนนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในห้องตนก็ไม่รู้อะไร พอเกิดไฟไหม้ก็ตกใจตื่นแล้วก็รีบวิ่งหนีตายกันออกมาพร้อมกับเพื่อนข้างห้อง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องรอเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวอย่างระเอียดอีกครั้ง ส่วนความเสียหายทั้งหมดตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการประเมิณมูลค่าความเสียหาย
