ปทุมธานีเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ2ชั้นกระอักทวงถามผู้ว่าปทุมฯมาตรการผ่อนปรนไม่นั่งทานในร้านผ่านมาแล้ว14วันแบบไร้วี่แวว
วันที่ 14 พฤษภาคม 2564 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด19 ครั้งที่3 จึงได้มีคำสั่งจาก นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ลงวันที่ 30 เมษายน 2564 ว่าด้วย ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในลักษณะการนำกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น โดยงดการบริโภคอาหาร เครื่องดื่ม สุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านและเปิดให้บริการได้จนถึงเวลา 21.00 น.และกำหนดมาตรการควบคุมป้องกันโรคโควิค19 เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่1-14 พฤษภาคม นี้ จนทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ได้ทวงถามมาตรการเยี่ยวและการผ่อนปรนให้กลับมารับประทานอาหารภายมในร้านได้หรือไม่ เนื่องจากผู้ประกอบการร้านอาหารนั้นพร้อมปฏิบัติตามเนื่องไขและข้อกำหนดของมาภาครัฐมาโดยตลอดในทุกครั้งที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 แต่ทางภาครัฐและจังหวัดนั้นไม่มีมาตรการเยี่ยวยาและช่วยเหลือกับผู้ประกอบการร้านอาหารแต่อย่างใด
จากการสอบถาม นางคุณากร คุ้มแก้ว เจ้าของร้านเจ๊นก ก๋วยเตี๋ยวเรือ2ชั้น สาขา2 คลอง8 ที่อยู่ ม.4 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ตนมีกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ 2 สาขาและได้ปิดกิจการชั่วคราวไปทั้ง2สาขาเพราะเปิดขายแบบซื้อกลับบ้านั้นไม่มีลูกค้าเข้ามมาซื้อแต่อย่างใดเพราะลูกค้าส่วนใหญ่มักจะรับประทานอากหารที่ร้านมากกว่า และตนเจอปัญหาการแพร่ระบาดโควิด 19 มาถึง 3ครั้งและทุกคั้งร้านอาหารก็ต้องโดนคำสั่งให้ปิดบ้าง ห้ามมานั่งรับประทานที่ร้านบ้าง เรื่องนั้นตนก็เข้าใจและพร้อมปฏิบัติตามเพราะมาตรการของทางภาครัฐเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด19 แต่มาถึงวันนี้เป็น14วันแล้ว ที่มีสั่งงดนั่งรับประทานอาหารและเมื่อไรทางผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีจะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารเสียทีรวมไปถึงมาตรการผ่อนปรนให้มีการรับประทานอาหารที่ร้าน จะเป็นการเว้นระยะห่างเหมือนเดิมนั้นตนก็ยอมปฏิบัติตาม ดีกว่าขายแบบซื้อกลับบ้านอย่างเดียวก็ไม่ไม่ต่างอะไรกับการสั่งปิดร้าน เพราะทุกวันนี้ตนก็มีภาระที่ต้องดูแลพนักงานที่ไม่มีรายได้ของทั้ง 2 สาขา กว่า 25 คน พนักงานกินนอนที่ร้านอีกกว่า 10 คนที่ต้องดูแลเรื่องกินอยู่ภายในร้าน
ส่วนพนักงานไปกลับนั้นต้องพักงานไม่มีกำหนดพวกเขาจะหางานอื่นทำช่วงการแพร่ระบาดนี้ก็ไม่มีนายจ้างไหนรับเข้าทำงาน บางครั้งตนก็สงสารพนักงานจนต้องหางานเล็กๆน้อยๆให้ทำ เช่นทำความสะอาดร้าน ปลูกต้นไม้ ตัดหญ้า เพื่อให้พวกเขามีรายได้ไปจุนเจือครอบครัว เพราะจะให้ทางเจ้าของกิจการจ่ายชดเชยค่าแรงให้พนักโดยภาครัฐไม่มาช่วยเหลือเราเลยเราก็จ่ายชดเชยให้พนักงานไม่ไหว เพราะที่ผานมาก็ไม่มีการชดเชยหรือช่วยเหลือจากภาครัฐเลยสักครั้งเดียว เพียงช่วงนี้ตนก็อยากให้ภาครัฐช่วยเหลือเรื่องพักชำระหนี้เพราะค่าใช้จ่ายเรื่องการส่งเงินกู้ของทางธนาคารนั้นตนก็ต้องส่งตามปกติอยู่เช่นเดิมทั้งทีไม่มีรายได้มีแต่รายจ่ายเพียงอย่างเดียวและจำนวนยอดเงินกู้ทางธนาคารทั้งหมดโดยรวมประมาณ 5-6 ล้านบาทที่ตนได้กู้มาลงทุน และมียอดการผ่อนชำระรายเดือนมี2ธนาคาร คือ ธนาคารไทยพานิช จำนวน 41000 บาท และธนาคารออมสิน อีก 18500 บาทต่อเดือน ยังไม่รวมค่าน้ำค่าไฟและค่ากินอยู่ของพนักงานอีก ถ้าปล่อยเวลาร่วงเลยไปกว่านี้ตนจะทำอย่างไร เพราะทุกวันนี้ก็เหมือนกินทุนไปเรื่อยๆ แล้วถ้าตนไม่มีเงินที่จะมาส่งธนาคารตนจะติดแบล็คลิสหรือไม่ และพนักงานที่ตนแบกรับภาระให้กินอยู่ฟรีนั้นชีวิตครอบครัวเขาจะเป็นอย่างไรขอให้ทางรัฐบาลและผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีหันมามองผู้ประกอบการร้านอาหารอย่างเราบ้าง.