อ่างทอง ผอ. แจงดราม่าลูกชายมีชื่อฉีดวัคซีนเข็ม3เผยมีชื่อจริงแต่ไม่ได้ฉีด พร้อมให้ตรวจสอบอย่างโปร่งใส ด้านรอง ผอ. เผยเป็นขอมูลสำรวจรอบแรก ไม่โทษผู้ที่นำไปเผยแพร่ แต่ยืนยันจัดให้บุคลากรทุกคน
วันที่ 18 ส.ค. 64 นายแพทย์ประภาส ลี้สุทธิพรชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอ่างทอง ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว หลังเกิดดราม่ามีผู้นำข้อมูลรายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน Pfizer บู๊ท เข็มที่ 3 ในวันที่ 10 – 11 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่ามีชื่อของลูกชายผู้อำนวยการ ซึ่งไม่ได้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ของทางโรงพยาบาลร่วมฉีดด้วย พร้อมเปิดเผยข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าวว่า ในการบริหารการฉีดวัคซีนของทางโรงพยาบาล จะเป็นในรูปคณะกรรมการภายในโรงพยาบาล โดยมีรองผู้อำนวยการทุกฝ่ายร่วมกันพิจารณา ซึ่งตนเองไม่ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการ สำหรับรายชื่อที่มีผู้นำไปเผยแพร่ ทำให้เกิดดราม่าขึ้น ซึ่งตนเองยอมรับว่าได้มีการสำรวจบุคลากรในรอบแรกทุกที่ที่ประสงค์ รวมถึงคลินิกต่าง ๆ ที่สัมผัสเสี่ยงสูงกับคนไข้ แต่ไม่ได้จัดสรร ซึ่งตนเองยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ บู๊ทเข็มที่ 3 ที่โรงพยาบาลอ่างทอง และไม่มีความประสงค์ที่จะให้มีรายชื่อฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในโรงพยาบาลอ่างทอง โดยตนเองพร้อมที่จะเปิดเผยรายชื่อข้อมูลอย่างโปร่งใส สำหรับผู้ที่มีรายชื่อฉีดวัคซีนซึ่งจะขอทำการตรวจสอบได้ และขอยืนยันว่าการบริหารวัคซีนเป็นวัคซีนของบุคลากรที่ให้บริการด้านหน้าทุกคน ซึ่งสามารถสอบถามได้จากเจ้าหน้าที่ว่าได้รับการจัดสรรการฉีดวัคซีนแล้วทุกคน
ส่วนทางด้าน นพ.กิตติ อิ่มใจ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ที่รับผิดชอบดูแลการฉีดวัคซีนของบุคลากรใน รพ. เปิดเผยว่า สำหรับข้อเท็จจริงที่ถูกนำไปเผยแพร่ เป็นข้อมูลที่นำเสนอว่าบุคลากรคนใดต้องการวัคซีนชนิดใด ซึ่งเป็นข้อมูลร้องขอที่จะต้องนำไปพิจารณาลำดับความสำคัญ ของบุคลากรในความเสี่ยงที่ทำงานด้านหน้า ซึ่งทางคณะกรรมการได้ขอให้แต่ละหน่วยงานส่งรายชื่อบุคลากรที่เป็นด่านหน้าที่มีความจำเป็นมา รวมถึงคลินิกต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงสูง โดยยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน สำหรับลูกชายท่านผู้อำนวยการที่มีชื่อปรากฏ ซึ่งเป็นแพทย์ที่ทำงานอยู่ด่านหน้าเช่นกัน ก็ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เพราะได้รับการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลต้นสังกัด ซึ่งทางโรงพยาบาลอ่างทอง ได้รับการจัดสรรโควตาในการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 545 โดด จากยอดทั้งหมด 648 คน ซึ่งจัดสรรตามความสำคัญ แต่ยังไม่เพียงพอในการฉีด ตนเองยืนยันว่าคณะกรรมการได้ทำการจัดลำดับความสำคัญของบุคลากรทางการแพทย์อย่างโปร่งใส แต่ต้องยอมรับว่าในการลงทะเบียนฉีดวัคซีน Pfizer เข็มที่ 3 อาจจะมีบุคลากรบางส่วนยังไม่ได้ลงชื่อหรือลงชื่อเป็นบางส่วนไม่ครบ ซึ่งทางคณะกรรมการไม่สามารถลงไปตรวจสอบรายละเอียดได้ทุกราย สำหรับตนเองไม่ตำหนิผู้ที่นำข้อมูลไปเผยแพร่ เพราะข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลชุดแรกที่ยังไม่ได้ทำการพิจารณา ซึ่งหลังจากการพิจารณาแล้วเป็นข้อมูลสุดท้ายที่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลอ่างทอง ที่มีความสำคัญเรียงลำดับมีความจำเป็นที่ต้องฉีดทั้งหมดต่อไป