หนุ่มใหญ่ถูกโกงหุ้นกว่าร้อยล้านเข้าขอความเป็นธรรมทนายความตามความคืบหน้าคดี
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 25 สิงหาคม 2564 นายสมบัติ โรจน์ธนเดช อายุ 55 ปี ผู้ถือหุ้น บริษัท กรีน เพาเดอร์โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยธนสิทธิ์ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้เดินทางมาที่โรงพัก สภ.บางพลี สมุทรปราการ พร้อมด้วย ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ เพื่อมาติดตามความคืบหน้าของคดี ที่ถูกหุ้นส่วนของบริษัทลักทรัพย์เครื่องจักร และโกงหุ้นทั้งหมดไปรวมมูลค่ากว่าร้อยล้านบาท และมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.บางพลี เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา แต่มาจนถึงบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างไร จึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ
ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ผู้เป็นทนายความ และพากันมาติดตามความคืบหน้าของคดี และยื่นฟ้องขอความเป็นธรรมอายัดเครื่องจักรไว้เป็นของกลาง ในคดี และแจ้งความให้ดำเนินคดีแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวม 4 คน โดยมี พ.ต.ท.โรจนฤทธิ์ โรจนวิศวกรรม รอง ผกก.สอบสวน สภ.บางพลี เป็นผู้รับเรื่อง พร้อมทั้งกล่าวว่า ในคดีดังกล่าวเกิดขึ้นมาก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง และจะได้ติดตามเรื่องคดีให้ว่ามีความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน พร้อมทั้งให้ผู้เสียหายลงบันทึกประวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
นายสมบัติ ได้กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาที่โรงพัก สภ.บางพลี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีที่มีการแจ้งความไว้มาแล้วกว่า 3 ปี แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า เกี่ยวกับการลักทรัพย์และร่วมกันยักยอกของบริษัท ที่ใช้อักษรตัวย่อว่า พ. ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่ถูกลักมาจากบริษัท กรีน เพาเดอร์โคทติ้ง ที่ตนเป็นผู้ถือหุ้น รวมทั้งถูกโกงผลกำไลไปรวมมูลค่ากว่าร้อยล้านบาท โดยแอบไปเปิดบริษัทดำเนินกิจการเดียว กับบริษัทที่ตนถือหุ่นอยู่ และยักยอกลักทรัพย์เครื่องจักรซึ่งเป็นทรัพย์ของทางบริษัทไปรวมทั้งมีการถ่ายเทลูกค้าร่วมถึงนำตราสัญญาลักษณ์ไปใช้ และยุบที่ตั้งของบริษัท โดยอ้างว่าเจ้าของที่ดินต้องการที่คืน แต่ยังไม่มีการจดแจ้งยกเลิกกิจการ แต่กลับไปแอบเปิดบริษัทเป็นของตนเองซ้อนขึ้นมา ใช้ตราสัญญาลักษณ์และเวฟไซค์ของบริษัท ที่ตนถือหุ้นอยู่ ซึ่งได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ที่ สภ.บางพลีแล้วเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาฐาน ร่วมกันลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์เครื่องจักร และทรัพย์สินอื่น ๆ อันเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท กรีน เพาเดอร์โคทติ้งส์ (ประเทศไทย)
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมาตนก็ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี สมุทรปราการ ว่าเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ได้มีคำสั่ง ที่ สป 0033(2)/1829 ถึงกรรมการผู้จัดการบริษัทที่ใช้อักษรย่อยคำว่า พ ที่ผู้ร่วมกระทำผิดทั้งหมดได้ร่วมกันไปเปิดดำเนินกิจการ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ แจ้งว่าได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 มาตรา 12 วรรคหนึ่งและวรรคสอง มาตรา 50 วรรคหนึ่งพระราชบัญญัติความรับผิดในคดีอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ.2560 นั้น และหนังสื่อที่ สป0033(2)/1830 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เรื่องให้ระงับการกระทำผิดที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 และเปิดประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งพบว่าบริษัทดังกล่าว ไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ โดยยังประกอบกิจการตามปกติ จึงประสงค์ให้อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัท พ
และกรรมการผู้มีอำนาจ ที่ฝ่าฝืนคำสั่งตามกฎหมาย
หลังจากนั้นได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ในเรื่องสถานที่ตั้งของโรงงานแห่งนี้ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียว บริเวณเลียบถนนคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ทุกวันนี้ก็ยังเปิดดำเนินกิจการอยู่ตามปกติ และจากการตรวจสอบแล้วพบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่สามารถประกอบกิจการโรงงานได้ และมีคำสั่งจากอัยการในคดีมาแล้วให้อายัดเครื่องจักรแต่ทางอุตสาหกรรมก็ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด ซึ่งเครื่องจักรดังกล่าว เป็นของบริษัทที่ตนถือหุ้นอยู่ แต่บริษัท พ เอามาใช้ในบริษัทตัวเองทุกอย่างทั้งเวฟไซค์ของบริษัทรวมทั้งเครื่องหมายการค้าก็ยังเอามาใช้
โดยนายสมบัติ ได้กล่าวว่า ในวันนี้ได้เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ให้อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ มีคำสั่งให้ปิดโรงงาน และ ดำเนินคดีกับบริษัท พ และบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่ลักลอบเปิดบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต ดำเนินกิจการที่มีสารเคมีอันตราย เป็นวัตถุไวไฟ มีผลกระทบให้เกิดมลพิษ ที่ต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ที่มีคำสั่งถึงกรรมการผู้จัดการบริษัท ดังกล่าว ว่าได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 มาตรา 12 วรรคหนึ่งและวรรคสอง มาตรา 50 วรรคหนึ่งพระราชบัญญัติความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ.2560 นั้นลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เรื่องให้ระงับการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติโรงงาน พบว่า บริษัทดังกล่าว ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ โดยยังประกอบกิจการตามปกติ จึงมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ให้อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ มีคำสั่งให้ปิดโรงงานและ ดำเนินคดีกับบริษัทและบุคคลที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย
ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ เปิดเผยว่า การมาติดตามในวันนี้มีผลคืบหน้าอย่างไรก็จะใช้สิทธิ์ทางศาล ซึ่งอาจะปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบอย่างไร หรือถ้าละเว้นอยางไรก็จะดำเนินการต่อไป จัดหนักให้ถือว่าดำเนินการที่ไม่ทำตามกฎหมาย มีการทุจริตหรือเปล่ามีการละเว้นหรือไม่ 157 ถ้าเข้าข่ายอย่างไร ตามที่ผู้เสียหายได้มาร้องเรียน คือถ้าไม่มีอะไรคืบหน้าหรือชัดเจนขึ้นทางเราก็จะดำเนินฟ้องเอง ถ้าดูแล้วเข้าข่ายประพฤติมิชอบหรือละเว้นหรือเข้าข่ายทุจริตหรือไม่ ถ้าใช่ 157 ตนก็จะดำเนินการ หลังจากนี้ไปถ้าไม่มีความคืบหน้าตนก็จะฟ้องหน่วยงานทั้งหมดและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งต่อไป
******************************
สุรศักดิ์ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ 089-6955389