ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัว

น.1 เผยผู้ต้องหาจี้ตัวประกัน เคยต้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์ ถึง 16 ครั้ง

น.1 เผยผู้ต้องหาจี้ตัวประกัน เคยต้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์ ถึง 16 ครั้ง

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 22 ต.ค. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.เปิดเผย หลังดำเนินการสอบปากคำ นายกำพล นากระโทก อายุ 31 ปี ผู้ต้องหา คดีจี้ตัวประกันในโรงแรมซอยเจริญกรุง 44 ว่า จากการตรวจสอบประวัติ ของผู้ต้องหารายนี้ พบเคยถูกจับกุมดำเนินคดี เกี่ยวกับการชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์มากถึง 16 ครั้ง โดย 13 ครั้งแรก ก่อเหตุสมัยยังเป็นเยาวชน เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหาเป็นชาวบ้านในละแวกดังกล่าว

” สำหรับมูลเหตุของการลงมือในครั้งนี้ทราบว่าเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาผู้ต้องหาได้มาเช่าห้องพักบนชั้นที่ 3 ของโรงแรมดังกล่าวในราคาคืนละ 650 บาท ซึ่งโรงแรมที่ว่านั้นเป็นธุรกิจ ของทางผู้เสียหายและครอบครัว ซึ่งพักอาศัยอยู่ตามห้องภายในโรงแรมด้วยเช่นกัน กระทั่ง นายกำพล เสพยาเคเข้าไปจนเมาและสบโอกาสก่อเหตุชิงทรัพย์เด็กหญิง อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นหลานเจ้าของโรงแรม พักอาศัยอยู่ในห้องบนชั้นที่ 4 แต่ระหว่างที่นายกำพล ได้เงินแล้วนั้น ก็พยายาม จะลวนลามกระทำอนาจารเหยื่อ ทำให้ เจ้าของโรงแรมได้ยินเสียง และขึ้นไปช่วยเหลือ จนถูกนายกำพล ใช้มีดจี้ล็อคคอ เอาไว้ ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเข้าควบคุมสถานการณ์และช่วยเหลือเอาไว้ได้ในที่สุด” พล.ต.ท.สำราญ กล่าว

มีรายงานพฤติการณ์การก่อเหตุของ นายกำพล ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายกำพล ซึ่งพักอยู่บริเวณชั้นที่ 3 ได้ถือวิสาสะ นำคีย์การ์ด ผ่านประตูของผู้พักอาศัย ที่วางอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ชั้นล่าง ขึ้นไปสุ่ม ตรวจสอบ บนห้องพักชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นโซนพักอาศัยของผู้บริหารโรงแรมและญาติๆ กระทั่งสามารถ เปิดห้องพักของ ด.ญ.แพรว (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี หลานของเจ้าของโรงแรมได้ โดยระหว่างนั้นเหยื่อพักอาศัยอยู่ในห้องเพียงลำพัง นายกำพล ได้ข่มขู่ชิงทรัพย์เอาเงินสด จากเหยื่อได้ ราว 4,500 บาท แต่เมื่อได้เงินแล้ว นายกำพล ยังจับเหยื่อมัด ด้วยเชือกรองเท้า และพยายามลวนลามหมายจับข่มขืน

ระหว่างนั้น นายฐิติวัฒ อภิรามมงคล อายุ 87 ปี ตาของเหยื่อ ซึ่งเป็นผู้บริหารโรงแรม ได้ขึ้นไปบนห้องพักและได้ยินเสียง ร้องขอความช่วยเหลือของหลานสาว จึงเปิดห้องพัก เข้าไป ช่วยเหลือหลานสาวได้อย่างทันท่วงที แต่ทว่า นายฐิติวัฒ กลับถูก นายกำพลใช้มีดพับอเนกประสงค์ จี้คอไว้ เป็นตัวประกัน โดยระหว่าง กำลังเจรจากับตำรวจอยู่นั้น นายกำพล ได้ร้องขอ รถแท็กซี่ เพื่อจะพาตัวเองหลบหนี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเรียกรถแท็กซี่ มาให้ โดยจอดเอาไว้บริเวณด้านหน้าโรงแรม ต่อมานายกำพล ได้นำมีดจี้คอเหยื่อเดินลงจากโรงแรม มุ่งหน้าไปที่รถ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 จึงอาศัยจังหวะ ดังกล่าวใช้ปืนช็อตไฟฟ้า จำนวน 2 กระบอก ยิงใส่ร่างนายกำพล เพื่อหยุดยั้งและเข้าชาร์จจับกุมตัวได้ดังกล่าว

เบื้องต้นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา แจ้งข้อหา ตามฐานความผิดที่เกี่ยวข้องทุกคดี อาทิ บุกรุก ชิงทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว และกระทำอนาจาร โดยหลังจากนี้จะคุมตัว นายกำพล เอาไว้สอบปากคำก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาเมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 22 ต.ค. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.วุฒิชัย ไทยวัฒน์ รอง ผบก.น.6 ดำเนินการสอบปากคำ ร.ต.อ.ธวัชชัย พันธ์จิ๋ว รอง สว.งานสายตรวจ 2 บก.สปพ.บช.น. นายตำรวจซึ่งตัดสินใจใช้ปืนยิงไฟฟ้า ช็อตใส่นายกำพล ก่อนเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้โดยไม่เกิดการสูญเสีย ทั้งนี้ ผบช.น. ย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียน ของคดี จี้ชิงตัวประกัน โดยเคสนี้ จะนำไป เป็นตัวอย่าง ให้แก่ข้าราชการตำรวจ ที่ต้องประสบ กับเหตุการณ์ ลักษณะเช่นนี้ เพื่อการตัดสินใจ ในการเข้าคลี่คลายสถานการณ์ โดยเกิดส่งผลกระทบ ต่อทุกภาคส่วน ให้น้อยที่สุด

โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.