พระไม่ทิ้งโยมพายเรือแจกของน้ำท่วม ชาวผักไห่ ญาติโยมดีใจพระมาโปรดถึงหน้าบ้าน
วันที่ 26 ตุลาคม 2554 พระอธิการทวีทรัพย์ สฺนตมโน เจ้าอาวาส วัดนิเทศราษฎร์ประดิษฐ์ คลอง13 ตำบลพืชอุดม อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย พระสามิต ปิยธมฺโม พระลูกวัด วัดลำกะดาน จังหวัดปทุมธานี และศิษย์ยานุศิษย์ นำข้าวสารอาหารแห้งมา น้ำดื่ม ลงเรือ นำไปช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใหญ่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ถูกน้ำในแม่น้ำน้อยไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเต็มพื้นที่สูงกว่า 3 เมตร นานเกือบ 2 เดือน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
ด้าน พระอธิการทวีทรัพย์ สฺนตมโน เจ้าอาวาส วัด นิเทศราษฎร์ประดิษฐ์ คลอง13 กล่าวว่า วันนี้ อาตมา มีความเป็นห่วงชาวบ้านที่ต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากหลังจากถูกน้ำท่วมมานานเกือบ 2 เดือน จึงมองเห็นความเดือดร้อนของ ชาวบ้าน จึงได้นำข้าวสารอาหารแห้งที่มีญาติโยมมาทำบุญที่ วัดในวันตักบาตรเทโว จึงนำมาต่อบุญ แจกจ่ายช่วยเหลือชาวบ้าน โดยมีแรงศรัทธาของญาติโยม ชาวคลอง 13 จังหวัดปทุมธานี ร่วมบุญนำน้ำดื่มมาร่วมแจกให้ชาวบ้านในครั้งนี้ อีกด้วย
ด้านคุณยายสมทรง สืบนุสร อายุ 83 ปี เผยรู้สึกว่าเป็นบุญอย่างมากที่ได้เห็นผ้าเหลืองของพระมาโปรดถึงบ้านเนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเองป่วยและมีอาการหัวใจหยุดเต้น จนมีญาติพี่น้อง เตรียมวัดเพื่อรอจัดงานศพจนกระทั่งสามารถปั๊มหัวใจขึ้นมา ได้ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ตั้งแต่หายจากการป่วย ก็ ไม่ได้ออกไปนอกบ้านเลย ซึ่งวันนี้ ถือว่าตนเอง มีบุญ มากๆ ที่มีพระมาโปรดถึงบ้าน
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ระบายน้ำอยู่ที่ 2,639 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ระบายน้ำอยู่ที่ 492 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และ เขื่อนพระราม 6 อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระบายน้ำอยู่ที่ 727 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยังคงระบายน้ำปริมาณจำนวนมากลงท้ายเขื่อน ทำให้ระดับน้ำยังคงท่วมในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และแม่น้ำป่าสัก มีปริมาณน้ำท่วมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทุกพื้นที่ รวมแล้ว 14 อำเภอได้แก่ อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอบางปะหัน อำเภอมหาราช อำเภอบางซ้าย อำเภอภาชี อำเภอลาดบัวหลวง และอำเภอบ้านแพรก รวม 136 ตำบล 809 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 54,819 ครัวเรือน