กรุงเทพฯ – ลุงวัย 80 ปี จ่อยิงหน้าผากตัวเองดับปริศนา ย่านพระราม2
เมื่อเวลา 12:00 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 ร.ต.อ.ยุทธนา พลอยสุข พนักงานสอบสวน สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตด้วยอาวุธปืนภายในซอยพระราม 2 ซอย 90 จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และ อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุเป็นลักษณะบ้านปูนชั้นเดียวติดถนน ล้อมรอบด้วยกระถางต้นไม้รอบบริเวณบ้าน ภายในบ้านถูกล็อคด้วยกลอนประตู เจ้าหน้าที่ต้องให้ช่างกุญแจเปิดเข้าไปภายในบ้าน พบผู้เสียชีวิตนอนเสียชีวิตในลักษณะไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นลายหมากรุกถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณหน้าผาก 1 นัดลักษณะนอนหงายเหยียดยาว ภายในบริเวณห้องโถงบ้าน มีเลือดแห้งกรังบริเวณรอบศีรษะ ในที่เกิดเหตุยังพบอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 บริเวณด้านซ้ายของศพ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง
จากการสอบถามญาติของผู้เสียชีวิตทราบว่าผู้ตายมีภรรยาและบุตร 2 คนเสียชีวิตหมดแล้วผู้ตายอยู่กับลูกหลานในละแวกดังกล่าวก่อนเกิดเหตุไม่มีลางบอกเหตุแต่อย่างใด ปกติผู้ตายจะเดินไปรับข้าวที่บ้านของหลานมารับประทานเป็นประจำ เมื่อคืนวันลอยกระทงหลานผิดสังเกต ตอนเช้าผู้ตายไม่ได้เดินไปรับข้าวมารับประทาน อีกทั้งผู้ตายยังบอกกับเพื่อนบ้านว่า วันนี้เป็นวันเสียชีวิตของภรรยา คาดว่าชนวนเหตุผู้ตายอาจคิดถึงภรรยาจึงลงมือก่อเหตุยิงตัวตายดังกล่าว แล้วทางด้าน เพื่อนบ้านข้างเคียงฝั่งตรงข้ามในช่วงเย็นยังเห็นแกกวาดใบไม้บริเวณข้างบ้านอยู่เลยวันนี้หลานสาวเห็นผิดปกติแกไม่เดินออกไปรับอาหารที่บ้านมารับประทาน ตนเองจึงได้เดินมาเรียกแต่ภายในบริเวณบ้านล็อคหมดจึงได้เรียกเพื่อนบ้านข้างเคียงให้มาช่วยเปิดประตูให้ พอเปิดได้ก็เห็นผู้ตายถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณหน้าผากเสียชีวิตแล้วจึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้รับทราบ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบทรัพย์สินถูกรื้อค้นหรือสูญหายแต่อย่างใด ส่วนทางด้าน พี่ชายของผู้เสียชีวิตบอกว่าผู้เสียชีวิตนำปืนขนาดจุด 38 ลูกโม่มาให้ดูบอกว่าเป็นเพื่อนยามเหงา ตนเกรงว่าน้องชายจะก่อเหตุจึงได้ขออาวุธปืนจะนำไปเก็บไว้แต่ผู้ตายปฏิเสธไม่คิดว่าจะนำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว มายิงตนเองเสียชีวิต
เบื้องต้นทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาชื่อ นาย เลิ่ม อายุ 80 ปี แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และ พนักงานสอบสวนมอบหมายให้มูลนิธิร่วมกตัญญูนำศพส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลศิริราชเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งก่อนให้ญาติติดต่อรับศพเพื่อไปดำเนินการประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.
