รวบ 2 นักโทษเรือนจำประจวบฯ หนีกบดานที่วัดดอนทรายเพชรบุรี
กรณี 4 นักโทษเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลบหลบหนีจากสถานที่แรกรับกักตัวก่อนส่งเข้าเรือนจำ เพื่อหาเชื้อโควิด 19 ด้านข้างสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค สาขาประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากเรือนจำประมาณ 500 เมตร ประกอบด้วย นายสหรัฐ หรือ จ๋า เสนามนตรี อายุ 28 ปี ชาว ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบฯ นายพงษกร หรือโจ้ แสงงาม อายุ 35 ปี ขาว จ.เชียงราย นายธนวัฒน์ หรือ ต้า อยู่คง อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาในคดียาเสพติดชาว ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบ ฯ นายพงษ์สิริ หรือบอม อินทผลา อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์ ชาว จ.ชุมพร โดยอาศัยจังหวะชุลมุนระหว่างรับประทานอาหารเย็นพากันวิ่งหลบหนี ขณะที่ทั้งหมดสวมตรวน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์จับกุมนายสหรัฐ และ นายพงษ์สิริ หลังจากชิงรถจักรยานยนตร์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ สีฟ้าขาว ป้ายทะเบียน ขจง 717 ประจวบฯ จากชาวบ้านที่บริเวณร้านข้าวมันไก่ใต้สะพานลอยตรงข้ามสำนักงานการประปา จึงติดตามจับนายพงษ์สิริบริเวณใต้สะพานลอยหน้าสนามกีฬาจังหวัด จับกุมนายสหรัฐ บนทางรถไฟสายใต้ ใกล้ซอยดอนเหียง ห่างจากที่กักกันประมาณ 1 กม.เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 16 มกราคม พ.ต.อ.สุธี วรรณสูตร ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.เมืองฯ สืบสวนสอบสวนภูธรจังหวัด สกัดจับคนร้ายตามเส้นทางที่หลบหนี กระทั่งจับกุมนายพงษกร และนายธนวัฒน์ 2 นักโทษที่วัดดอนทราย หมู่ 1 ต.ทับคาง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี จากนั้นได้ควบคุมตัวไปสอบสวน โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) พร้อมคณะจะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปสอบปากคำผู้ต้องหา พร้อมตรวจสถานที่เกิดเหตุในสถานที่แรกรับ ขณะที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานติดต่อญาติใกล้ชิดเพื่อขอให้มอบตัวแต่คนร้ายยังหลบหนี โดยเริ่มจากจี้ชิงรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ ทะเบียน กพง 710 ปข.ของชายสูงอายุรายหนึ่งขี่ผ่านมาพร้อมจับเป็นตัวประกันนั่งซ้อนท้ายขี่หลบหนีไปบนถนนเพชรเกษมขาเข้า กทม.
จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด ผู้ต้องขังแวะเติมน้ำมันรถจักรยานยนตร์ที่ปั๊ม พีที บ้านบึง ริมถนนเพชรเกษม ก่อนนายธนวัฒน์นำชายสูงอายุซ้อนท้ายขี่รถจักรยานยนต์ไปบ้านมารดาที่ หมู่ 12 ต.อ่าวน้อย เพื่อขอเงิน 500 บาท พร้อมเปลี่ยนรถจักรยานยนต์เป็นฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ ทะเบียน 1 กณ 8879 ปข ขับหลบหนี โดยปล่อยชายสูงอายุพร้อมรถ และมอบเงิน 100 บาท เป็นค่าปลอบใจ
สำหรับคดีดังกล่าว ขณะที่ผู้บริหารระดับจังหวัด ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังไม่ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่หน่วยใด ท่ามกลางความวิตกกังวลของประชาชนจำนวนมากที่มีบ้านเรือนใกล้กับเรือนจำจังหวัดในพื้นที่ใจกลางเมือง เกรงผู้ต้องขังแดนแรกรับจะมีการก่อเหตุซ้ำอาจทำให้ไม่ปลอดภัยกับชีวิตและทรัพย์สิน /////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 099 3396 4 4 4